มหาราษฎร์ Shorts

ดิจิทัลวอลเล็ตร้อนฉี่ ธีระชัยซัดไม่ตรงปก ศิริกัญญาเย้ย สุดท้ายก็กู้มาแจก ไม่มีใครได้เลยเพราะผิด กม.


13 พฤศจิกายน 2023, 11:17 น.

 

 

“…หลังนายกรัฐมนตรี แถลงหลักเกณฑ์ เงื่อนไข เหล่านักการเมืองตัวตึงถึงกับต้องเคลื่อนไหวลั่นไม่ตรงปก สุดท้ายต้องกู้มาแจก และเทคโนโลยีจาก “ซุปเปอร์แอปฯ” ต้องย้อนกลับมาใช้เป๋าตัง

 

หลังผลประชุมคณะกรรมการโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ชุดใหญ่ ของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน เคาะแจกคนไทย 50 ล้านคน ผู้มีรายได้ไม่เกิน 7 หมื่นบาท หรือเงินฝากไม่เกิน 5 แสนบาท…”

 

จากการแถลงเมื่อวานนี้ทำให้เกิดกระแสบนโลกโชเชียล โดยตั้งข้อสังเกตจากคำที่ นายกฯ เศรษฐา เคยหาเสียงไว้โดยเฉพาะแหล่งเงินทุน จะมีการออก พรบ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อนำมา แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท โดยอาศัยข้อกฎหมายในมาตรา 53 ของ พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561

 

เวลาต่อมา นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Thirachai Phuvanatnaranubala – ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล โดยระบุว่า…

 

นายกรัฐมนตรีเศรษฐา แถลงความคืบหน้าโครงการเงินดิจิทัล ระบุว่า รัฐบาลได้ข้อสรุปจะกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเติมเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 600,000 ล้านบาท โดยอยู่ในดิจิทัล วอลเล็ต 500,000 ล้านบาท ครอบคลุม 50 ล้านคน และอีก 100,000 ล้านบาท ในกองทุนเพิ่มขีดความสามารถโดยทั้งหมด จะต้องผ่านกระบวนการตามกฎหมาย ตั้งข้อสังเกตว่า อาจฝ่าฝืน พรบ.วินัยการเงินฯ มาตรา 9 วรรคสาม ซึ่งบัญญัติว่า “คณะรัฐมนตรีต้องไม่บริหารราชการแผ่นดินโดยมุ่งสร้างความนิยมทางการเมืองที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนในระยะยาว”

 

เนื่องจากสถานะตัวเลขเศรษฐกิจไทย ยังไม่ได้เลวร้าย ยังไม่มีปัญหาตัวเลข จีดีพี ถึงขั้นติดลบ ยังไม่มีวิกฤตฟองสบู่แตกในตลาดโลก จึงมีความเห็นว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 500,000 ล้านบาท ที่ไม่ใช่โครงการเพื่อเพิ่มความสามารถของประเทศนั้น ย่อมอาจถูกตีความได้ว่า เข้าข่ายมุ่งสร้างความนิยมทางการเมือง และเนื่องจากมีนักวิชาการมากมายที่ทักท้วง เตือนว่าโครงการที่เน้นอุดหนุนการอุปโภคบริโภค แต่ไม่เพิ่มขีดความสามารถเช่นนี้ จะเพิ่มหนี้สาธารณะ อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนในระยะยาว พรบ.นี้ จึงอาจฝ่าฝืน พรบ.วินัยการเงินฯ

 

นายธีระชัย ชี้ ไม่ได้พัฒนาประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัล โดยระบุว่าจะใส่เงินในกระเป๋าดิจิทัล แต่ไม่ใช่เงินดิจิทัล โครงการนี้จากที่โปรโมทว่า จะเป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินใหม่ให้แก่ประเทศ อันจะทำให้พัฒนาสู่เศรษฐกิจดิจิทัลแบบก้าวกระโดด
โปรโมชั่นดังกล่าว จึงไม่เป็นความจริง แต่โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 500,000 ล้านบาท มีสภาพเป็นเพียงการใช้นโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นการอุปโภคบริโภคแบบพื้นๆ เท่านั้น

 

โดยนายธีระชัยมองว่า เป็นการเปิดตลาดส่วนลด เนื่องจากรัฐบาลยังกำหนดเงื่อนไข ที่ฝืนธรรมชาติความเดือดร้อนระดับครัวเรือนของประชาชน เช่น ห้ามเอาไปชำระหนี้ โดยเฉพาะหนี้นอกระบบ ห้ามเอาไปซื้อน้ำมันเชื้อเพลิง ห้ามเอาไปจ่ายค่าเทอมค่าเรียนของลูก

 

ดังนั้น ข้อวิจารณ์ว่า จะมีบางร้านค้าที่เปิดช่องให้ประชาชนซื้อสินค้าด้วยเงินดิจิทัล ขายคืนในราคาส่วนลด เพื่อรับเงินบาทตามปกติ จึงยังมีผลอยู่ การที่รัฐบาลทำโครงการ อันก่อให้เกิดการค้าส่วนลดเช่นนี้ ย่อมเป็นการไม่เหมาะสม

 

นายธีระชัย ยังชี้ให้เห็นอีกว่า เป็นการเอื้อประโยชน์แก่ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่มากกว่า ภายหลังจากท่านนายกแถลงข่าว ราคาหุ้นของร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ได้ขยับสูงขึ้นพอสมควรร้านค้าปลีกขนาดเล็กจะมีปัญหา เพราะในอดีต เมื่อเคยเข้าร่วมโครงการในสมัยรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ ปรากฏว่าบางรายถูกประเมินภาษีเพิ่มขึ้น จึงอาจเป็นอุปสรรคที่ร้านค้าขนาดเล็กจะเข้าร่วมโครงการ
นอกจากนี้ โครงการดังกล่าว ได้ตัดพ่อค้าหัวมุมถนน และแม่ค้าเท้าเปล่าในตลาดข้างบ้าน ออกไปโดยสิ้นเชิง เป็นโครงการที่เอื้อประโยชน์แก่ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่มากกว่า จึงกลับจะเพิ่มปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย

 

การกู้เงินไม่ตรงกับที่ชี้แจงกับ กกต. พรรคเพื่อไทยชี้แจงแหล่งที่มาของเงิน สำหรับโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ว่าจะมาจากงบประมาณแต่บัดนี้ เปลี่ยนไปเป็นการเสนอพระราชบัญญัติต่อรัฐสภา เพื่อกู้หนี้สาธารณะ

 

จึงเป็นการดำเนินการ ที่ไม่ตรงกับคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้แก่ประชาชน และผมไม่แน่ว่า จะเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้งหรือใหม่
จึงขอให้กำลังใจท่านนายก ท่านคงจำเป็นต้องเดินหน้า เพราะท่านได้ชูธงเรื่องนี้ในการหาเสียงเอาไว้เต็มที่แต่เมื่อเดินหน้าไปแล้ว ถ้าเรื่องไม่ผ่านคณะรัฐมนตรี หรือเรื่องไม่ผ่านรัฐสภาก็อาจจะมีประชาชนเรียกร้อง ให้ท่านต้องแสดงความรับผิดชอบ

 

ขณะที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ออกมาเคลื่อนไหวเช่นกัน โดยโพสต์เฟซบุ๊ก Sirikanya Tansakun – ศิริกัญญา ตันสกุล พร้อมระบุว่า…

 

สิ่งที่นายกแถลงวันนี้ เป็นการยอมรับว่าไม่ได้คิดอย่างถี่ถ้วนทั้งเรื่องว่าจะเอาแหล่งเงินมาจากไหนสุดท้ายต้องกู้มาแจก และเทคโนโลยีจาก super application ต้องย้อนกลับมาใช้เป๋าตัง

 

ซ้ำร้าย เงินดิจิทัล 10,000 บาท อาจจะไม่มีใครได้เงินเลยซักคนเดียว เพราะทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าร่าง พ.ร.บ. กู้เงิน 5 แสนล้าน ขัดต่อ ม. 140 ของรัฐธรรมนูญ และ ม. 53 ของ พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลัง แต่ก็ยังเลือกทางนี้ ซึ่งนายกและพรรคเพื่อไทยย่อมทราบดี เพราะเป็นกรณีเดียวกับที่ศาลรัฐธรรมนูญปัดตก พ.ร.บ. เงินกู้ 2 ล้านล้าน (รถไฟฟ้าความเร็วสูง) เมื่อปี 2556

 

หรือนี่เป็นเพียงการสร้างภาพให้ความมั่นใจกับประชาชนว่ากำลังจะได้เงิน ทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าไปไม่รอดแน่ เป็นการสร้างกับดักเพื่อที่ในอนาคต หากมีบรรดานักร้อง หรือผู้ตรวจการแผ่นดิน ไปร้องต่อศาล รธน. (ซึ่งพรรคก้าวไกลไม่ไปร้องแน่นอน) ก็จะสามารถอ้างได้ว่าเป็นความผิดของศาล รธน. ในการปัดตกร่าง พ.ร.บ. กู้เงิน ไม่ใช่ความผิดของรัฐบาล

 

ดิฉันขอคัดค้านสุดตัวไม่ให้เรื่องนี้มีศาล รธน.เข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องจากเป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร ก็ให้มันจบที่ คกก.กฤษฎีกา เป็นคนตีความ และรัฐบาลรับผิดชอบในทางการเมืองด้วยตัวเอง

 

แต่ถ้าถึงที่สุด เกิดอภินิหารและร่าง พรบ.นี้ผ่านสภาไปได้ การผ่อนชำระคืนใน 4 ปี บวกดอกเบี้ยในแต่ละปี จะสร้างภาระทางการคลังขึ้นไปเกือบ 20% ของรายได้รัฐบาล เท่ากับเก็บภาษีมาได้ก็เอาไว้จ่ายคืนหนี้ ดอกเบี้ยต่องบประมาณจะทะลุ 10% ในปีงบ 68 ซึ่งเป็นสิ่งที่บรรดาสถาบันจัดเครดิตเรทติ้งเฝ้าจับตาเพื่อรอหั่นเรทติ้งอยู่แน่นอน

 

ขณะที่ชาวเน็ตต่างแสดงความคิดเห็น และวิพากษ์วิจารณ์ถึงนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ บางรายถึงกับบอกว่า

“กู้มาแจก บอกเป็นผลงาน หนี้ชัดๆ”

“ไม่รับนะขี้เกียจช่วยชดใช้ทุกช่องทาง “….

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : เพจ สืบจากข่าว

12 พ.ย.66

ข่าวในหมวดเดียวกัน

เพิ่มเติม...

การเมือง

คอลัมนิสต์

คมในความ

มหาราษฎร์ Shorts

ภาพเก่าเล่าอดีต

ไฮไลท์

ข่าวประชาสัมพันธ์

ตำรวจ ทหาร อัยการ ศาล คุก

ท่องเที่ยว

ศาสนา

สุขภาพ

แวดวงนักรบ

สังคม

บทบาทบุคคล

< กลับหมวดมหาราษฎร์ Shorts

เรื่องล่าสุด