ภาพเก่าเล่าอดีต

เปิดเทปลับตำนานลึก “กบฏ 1-3 เมษาฮาวาย” ของ “พล.อ.อาทิตย์”


2 พฤศจิกายน 2023, 17:24 น.

 

เปิดเทปลับตำนานลึก “กบฏ 1-3 เมษาฮาวาย” ของ “พล.อ.อาทิตย์” เมื่อ “ป๋าเปรม” ใช้นะจังงัง หลุดวงล้อม “พ.อ.ประจักษ์” จากบ้านสี่เสาฯ เข้าวัง ได้สำเร็จ !”

 

 

ขบวนการยังเติร์ก โดย “พ.อ.มนูญ รูปขจร” และ “พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร” ฯลฯ ร่วมทหาร 42 กองพัน ก่อการปฏิวัติ 1-3 เมษา 2524 ลงท้ายกลายเป็นกบฏ ถูกบันทึกจากเทป ตอนสำคัญของ “พล.ต.อาทิตย์ กำลังเอก” ซึ่งเป็นรองแม่ทัพ ภาคที่ 3 อย่างน่าสนใจ

 

สถาบันทางทหารในช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์ปฏิวัติ มีกลุ่มกดดัน อยู่ 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่เรียกตนเองว่า “ยังเติร์ก” กับ “กลุ่มประชาธิปไตย”

 

กลุ่มแรกเป็นนักเรียนนายร้อย จปร.รุ่น 7 ส่วนกลุ่มหลังเป็น จปร.รุ่น 5 ทั้งสองกลุ่ม มีเรื่องชิงดี ชิงเด่นกันอยู่ในที ทั้งในที่เปิดเผย และไม่เปิดเผย นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มเล็ก กลุ่มน้อย แต่รวมตัวกัน ไม่เหนียวแน่น เหมือนสองกลุ่มนี้

 

 

“ทั้งสองกลุ่ม มีความผูกพันใกล้ชิดกับผู้บังคับบัญชาระดับสูง โดยเฉพาะในระดับผู้บังคับบัญชา ของแต่ละเหล่าทัพที่สังกัดอยู่”

 

 

การกบฏเมื่อวันที่ 1-3 เมษายน 2524 นั้น เป็นการกระทำจากกลุ่มรุ่น 7 ในขณะที่กลุ่มรุ่น 5 เป็นกำลังสำคัญ ในการต่อต้านปราบปราม

 

แม้กลุ่มรุ่น 7 จะเป็นกลุ่มที่ควบคุมกำลัง ในกองทัพได้เป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะ “กองทัพบก” ในขณะที่กลุ่มรุ่น 5 อยู่ในสายเสนาธิการ หรือฝ่ายวิชาการ ส่วนมากก็ตาม แต่ฝ่ายปฏิวัติ รุ่น 7 ก็ต้องประสบกับความพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง ด้วยปัจจัยหลายอย่างที่ไม่เกื้อกูล โดยเฉพาะการสนับสนุนจากมวลชน ข้างนอก

 

การสนับสนุนจากกลุ่มประชาธิปไตย กลุ่มนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ในแต่ละเหล่าทัพ ซึ่งยังให้การสนับสนุน เคารพนับถือต่อ “พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” ผู้ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยอย่างสูง จากในหลวง และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ ในราชสำนัก

 

ภาพจาก : THE STATES TIMES

 

กล่าวกันว่า การจัดการบริหารเพื่อทำการกบฏ ที่พวกผู้กระทำเรียกว่า “ปฏิวัติ” เป็นไปอย่างไร้ระเบียบแบบแผน ลอกเลียนเพียงแค่วิธีการบางอย่าง ของคณะปฏิวัติเดิมๆ ที่ผ่านมา โดยปราศจากความเป็นเอกภาพในการทำงาน ต่างคนต่างทำ สุดแต่ใครจะนึกอะไรได้ เช่น อ่านคำประกาศยึดอำนาจ, ประกาศยุบสภา, ประกาศเรียกคนนั้น คนนี้ ไปรายงานตัวที่กองบัญชาการคณะปฏิวัติ ซึ่งใช้หอประชุมกองทัพบก เป็นสถานที่ตั้ง

 

“ข่าวการปฏิวัติ ความจริงแล้ว ลือกันมาล่วงหน้านับเดือน ฝ่ายข่าวติดตามมาใกล้ชิดพอสมควร ผู้บังคับบัญชาชั้นสูง ก็ได้รับทราบการเคลื่อนไหว เช่นกัน !”

 

และต่อไปนี้เป็นการเปิดเทป คำบรรยาย ของ “พล.ต.อาทิตย์ กำลังเอก” (ยศขณะนั้น) บรรยายให้นายทหารกองทัพภาค 2 เกี่ยวกับเหตุการณ์ และการปราบปราบกบฏ 1-3 เมษา 24 ถอดจากเทปบันทึก การบรรยาย ครั้งนั้น

 

 

“ข่าวการปฏิวัติ” จากคณะนายทหารกลุ่มหนึ่ง มุ่งหมายล้มล้างการปกครอง เพื่อแก้ปัญหา “ผมพยายามสดับรับฟัง มาโดยตลอด” เริ่มเคลื่อนไหวมากขึ้น ผมก็ไปพบผู้บัญชาการทหารบก (พล.อ.เปรม) ผมเรียนท่าน ให้ระมัดระวัง มีบุคคลคิดล้มล้างรัฐบาล

 

“ท่านรับฟัง แต่ตอนนั้น ท่านคงไม่เชื่อ เพราะชื่อผู้ก่อการล้วนเป็นคนใกล้ชิดท่าน ทั้งนั้น !”

 

ท่านเลี้ยงมากับมือ โตมาด้วยมือของท่านเอง “ท่านไม่เชื่อ” แต่ท่านก็ฟังผมจนจบ ท่านคงไม่มั่นใจ

 

ผมออกจากท่านมาอยู่นครราชสีมา ยุ่งเกี่ยวกับการเกณฑ์ทหาร จังหวัดนั้น จังหวัดนี้ กะว่าจะให้สัก 7 วัน

 

 

“ผมกินยาเข้าไปโดยมิได้ขออนุญาติหมอ..คือยามันมีอยู่แล้ว ก็กินเข้าไป ผมหลับสนิท !”

 

ตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะเสียงโทรศัพท์ดัง ประมาณตีหนึ่งครึ่ง มีนายทหารซึ่งผมวางสายไว้ที่กรุงเทพฯ โทรมาบอก “พี่ยุ่งแล้ว !”

 

ผมถามว่ายุ่งอะไร ? เขาบอกว่า “นายกฯ ถูกคุมตัวไว้แล้ว” ผมบอกว่า “อ้าว!”..เร่งให้ท่านออกมาสิ เขาบอกว่า เข้าไปไม่ได้ ผมถามว่า “ทำอย่างไรล่ะ ?” เขาบอกว่า “พี่ลองแก้ไขเอาเองแล้วกัน !”

 

ตัวผมงง และงุ่นง่าน ไปหมด จะทำอย่างไรล่ะ ผมบอกว่า “ไอ้คอปเตอร์ที่เตรียมไว้ ให้เอาออกมาได้ไหม” เขาบอกว่า “ไม่ได้ครับ มันคุมประตูไว้หมดเลย ทั้งข้างหน้า ข้างหลัง ไม่ได้เลย” ผมก็วางหูโทรศัพท์

 

 

พล.ต.อาทิตย์ กล่าวว่า ผมนั่งคิด ผมไม่ยอมแน่ๆ จะหาวิธีแก้ไข ในที่สุดก็โทรศัพท์ไปบ้านผู้บัญชาการทหารบก (พลอ.เปรม) ขอพูดกับท่าน ทส. ของท่านมารับสาย ท่านก็มาพูดกับผม ผมถามท่านว่าเป็นอย่างไรบ้าง “ท่านบอกกำลังยุ่ง ถูกควบคุมตัวอยู่” ผมก็บอกว่าถ้าอย่างนั้น ท่านต้องหาวิธีการออกมาจากบ้านท่านไปเข้าเฝ้าฯ ในหลวงเดี๋ยวนี้ และให้มาอยู่กับผมที่ค่ายกองทัพบก ภาคที่ 2 พร้อมที่จะต่อสู้

 

เสร็จแล้วผมก็วางหู แล้วโทรไปในวัง ให้คนนำความกราบบังคมทูลให้ทรงทราบต่อไป..ผมไม่รู้อะไรทั้งสิ้น ในวังก็ไม่มีใครรู้ เพราะว่า “สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ” เตรียมจะเสด็จฯ ไปเขาล้าน ทุกพระองค์ ก็เตรียมจะเสด็จ ไปเขาล้านทั้งหมด ไม่มีใครเตรียมการอะไรในเรื่องนี้

 

 

“ผมโทรไปทีแรก ก็ไม่มีใครกล้าไปกราบบังคมทูล ผมก็บอกว่า ต้องไปกราบบังคมทูลเดี๋ยวนี้ เรียนว่า “พล.ต.อาทิตย์ กำลังเอก” จะขอกราบบังคมทูล มีเรื่องสำคัญด่วนมาก

 

ในที่สุดก็สำเร็จ ผมได้ถวายรายงาน เล่ารายละเอียดให้ฟังต่างๆ แล้วกราบทูลว่า ขอให้ทรงเรียก “พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” มาเข้าเฝ้า เพราะขณะนั้น เขาไม่ยอมให้ท่านนายกฯ ออกมา

 

 

เมื่อ “สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ” ทรงทราบ พระองค์โทรศัพท์ไปถึง พล.อ.เปรม บอกให้มาเข้าเฝ้าฯ ในหลวงเดี๋ยวนี้ ผลที่สุดก็แหวกวงล้อมมาได้ เพราะ พล.อ.เปรม ให้ “พ.อ.ประจักษ์” รับสายถวายรายงาน ทางโทรศัพท์ และไม่กล้าวางสาย

 

“ทส.ก็ขับรถพาท่านออกมาจากประตูเทเวศน์ โดยเขาตกตะลึงอยู่ ในที่สุด ท่านนายกฯ ก็เข้ามาในวังได้ !”

 

 

พอผมทำขั้นที่หนึ่งได้สำเร็จ คือ ขั้นเข้ามาในวังได้ ผมก็โล่งอก ! แล้วผมก็ดำเนินขั้นต่อไป

 

เมื่อท่านผู้บัญชาการทหารบก (พล.อ.เปรม) เข้าเฝ้าฯ แล้ว ได้กราบบังคมทูลให้ฟังว่า มีพวกทหารหนุ่ม ที่เขาจะเป็นนายพลใหม่ๆ นั้น ตั้งตัวเป็นนายพลกันเยอะแยะ เข้าไปหาท่าน แล้วขอให้ท่านเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติ

 

“เขาว่าอย่างนั้น ก็จะต้องปรับปรุงอย่างนี้ อย่างนั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่คณะรัฐบาล จะทำอยู่แล้ว แต่ต้องใช้เวลา ..”

 

 

คราวนี้ในหลวงท่านรับสั่ง หากคิดจะเปลี่ยนแปลง ก็ต้องทำทั้งกองทัพ ไม่ใช่ทำเฉพาะ “กลุ่มยังเติร์ก” หรือกลุ่มอะไรเท่านั้น ต้องทำทั้งกองทัพ ท่านให้นายทหารคนหนึ่ง คือ “พันโท เทพณรงค์” ไปบอกกับกลุ่ม ที่จะปฏิวัติ ให้มาเข้าเฝ้าฯ ผลปรากฏว่า หัวหน้าคณะคือ “พล.อ.สัณห์” ไม่สนใจ บอกว่าจะเข้าเฝ้าเมื่อไหร่ก็ได้ ยังไม่เข้าตอนนี้ เขาไม่ยอมเข้ามาในวัง

 

“ปรากฏว่า พอพวกเขารู้ว่า มีพระบรมราชโองการให้เข้าเฝ้าฯ และเขาไม่ยอมเข้าเฝ้าฯ เขาก็ชิงประกาศปฏิวัติเลย..เขาชิงยึดอำนาจทันที”

(จากเทปบันทึกของ พล.ต.อาทิตย์ กำลังเอก ยศขณะนั้น)

 

 

ภาคผนวก

เมื่อ พล.อ.เปรม เข้าวังได้ ก็ทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ ไปประทับที่ โคราช มีการตั้งกองบัญชาการต่อต้านการปฏิวัติ โดยระดมสรรพกำลัง และอาวุธ จากขั้วนายทหาร ซึ่งเป็น จปร.ขั้วตรงข้ามกับ จปร.7 มี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ วางแผนสู้ โดยเปิดทางถอย ให้กับคณะปฏิวัติ เพราะไม่อยากเสียเลือดเนื้อ พล.อ.อาทิตย์ คอยอารักขา พล.อ.เปรม

 

กำลังอาวุธ มีการสนับสนุนจาก พล.อ.อ.เกษตร โรจนนิล ตอนนั้นมียศ นาวาอากาศเอก เป็นรองเจ้ากรมส่งกำลังบำรุง ทหารอากาศ

 

ภาพจาก : ไทยพีบีเอส

 

ฝ่ายปฏิวัติ แม้จะคุมกองกำลังถึง 42 กองพัน แต่มิอาจเปล่งอานุภาพได้ จำต้องยอมรับความพ่ายแพ้หลบหนี ไปคนละทิศคนละทาง พล.อ.สัณห์ หนีออกไปทางพม่า พล.ต.มนูญ หนีไปเยอรมนี ขณะที่มีข่าวลือว่า พ.อ.ประจักษ์ นายทหาร ซึ่งห้าวที่สุด จะโดน “จัดหนัก!” แต่ พล.อ.เปรม เป็นคนสั่ง ห้ามไว้

 

ข่าวในหมวดเดียวกัน

เพิ่มเติม...

การเมือง

คอลัมนิสต์

คมในความ

มหาราษฎร์ Shorts

ภาพเก่าเล่าอดีต

ไฮไลท์

ข่าวประชาสัมพันธ์

ตำรวจ ทหาร อัยการ ศาล คุก

ท่องเที่ยว

ศาสนา

สุขภาพ

แวดวงนักรบ

สังคม

บทบาทบุคคล

< กลับหมวดภาพเก่าเล่าอดีต

เรื่องล่าสุด