ผู้บริหาร ดูทีวี มีเดีย ละเมิดลิขสิทธิ์รายการโทรทัศน์ช่อง 7 จำนวน 592 รายการ มูลค่าความเสียหาย 2,809,255,221 บาท
กรมสอบสวนคดีพิเศษได้สืบสวนสอบสวนกรณีบริษัท ดูทีวี มีเดีย จำกัด กับพวก ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ในงานโสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์และงานแพร่เสียงแพร่ภาพของบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด หรือสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 โดยการทำซ้ำ ตัดต่อ และนำข้อมูลในรูปแบบรายการโทรทัศน์ที่แพร่เสียงแพร่ภาพผ่านทางช่อง 7 สี อาทิเช่น รายการละคร, รายการข่าว, รายการวาไรตี้, รายการซีรีส์, รายการภาพยนตร์ต่างประเทศ และรายการพิเศษต่างๆ ซึ่งเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ของบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด และละเมิดเครื่องหมายการค้าที่มีลักษณะเป็นเครื่องหมายบริการ เพื่อนำไปเผยแพร่บนเว็บไซต์ดูทีวีดอทคอม ( http://www.dootv.com ) และเว็บไซต์ไทยฟลิกซ์ดอทคอม ( http://www.thaiflix.com ) โดยไม่ได้รับอนุญาต มีการเรียกเก็บค่าสมาชิกจากลูกค้า ซึ่งเป็นผู้ชมที่อยู่ในต่างประเทศผ่านบัญชี Paypal ในอัตรา 14 เหรียญสหรัฐ ต่อ 30 วัน เป็นต้น ทั้งยังมีการตั้งสำนักงานหลายแห่งทั้งในประเทศไทย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา เพื่อดำเนินธุรกิจดังกล่าว รวมจำนวนรายการละคร ฯลฯ ที่ถูกละเมิดลิขสิทธิ์ฯ มีจำนวนทั้งหมด 592 รายการ คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย จำนวน 2,809,255,221 บาท (สองพันแปดร้อยเก้าล้านสองแสนห้าหมื่นห้าพันสองร้อยยี่สิบเอ็ดบาท) เป็นคดีพิเศษที่ 58/2560 เหตุเกิดขึ้นในช่วงประมาณเดือนมีนาคม 2558 ถึงประมาณเดือนสิงหาคม 2561
โดยเมื่อวันอังคารที่ 24 ตุลาคม 2566 เจ้าหน้าที่ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้จับกุมผู้บริหารของบริษัท ดูทีวี มีเดีย จำกัด จำนวน 2 ราย ส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
คดีพิเศษที่ 58/2560 เป็นคดีแรกของทางกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่มีการสืบสวนสอบสวนการละเมิดลิขสิทธิ์บนระบบคลาวด์ (Cloud) โดยกลุ่มผู้ต้องหาเป็นโปรแกรมเมอร์ที่มีความรู้ความสามารถสูง มีการจัดเก็บข้อมูลรายการโทรทัศน์ของผู้เสียหายไปยังเครื่องแม่ข่าย (Server) ที่อยู่ใน สหราชอาณาจักร โดยมีการปิดกั้นการเข้าถึงหรือการรับชมจากประเทศไทย มีการสับเปลี่ยนเว็บไซต์และพัฒนาเว็บไซต์ใหม่ๆ ขึ้นมาทดแทนเป็นระยะ เพื่อเลี่ยงกฎหมายและไม่ให้ผู้เสียหายรู้ถึงการละเมิดลิขสิทธิ์ นอกจากนี้ยังใช้ระบบการทำธุรกรรมทางการเงินในของสหรัฐอเมริกา เพื่อให้ยากแก่การติดตามเส้นทางการเงิน ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมโทรทัศน์ของไทย ได้รับความเสียหายจากกลุ่มธุรกิจที่ดำเนินกิจการอย่างผิดกฎหมายดังกล่าว
ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ร่วมกับ ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว จะมุ่งมั่นในการสืบสวนสอบสวนและดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อปกป้องสิทธิและทรัพย์สินทางปัญญาของคนไทย และสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนในประเทศไทย โดยจะเร่งติดตามจับกุมผู้ต้องหาอีก 6 ราย เพื่อมาดำเนินคดีต่อไป