มหาดไทยชื่นชมพ่อเมืองทั่วประเทศบูรณาการทีมในพื้นที่เดินเท้าเข้าให้กำลังใจพร้อมประสานการให้ความช่วยเหลือครอบครัวแรงงานไทยในอิสราเอลอย่างต่อเนื่อง เน้นย้ำ “ผู้ว่าฯ ไม่ทอดทิ้งพี่น้องประชาชน” หากผู้ว่าฯ นายอำเภอ ช่วยเหลือสิ่งใดได้จะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เคียงข้างพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน
14 ต.ค. 66 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงการดำเนินการให้ความช่วยเหลือครอบครัวของพี่น้องประชาชนผู้ใช้แรงงานไทยในประเทศอิสราเอลที่ในขณะนี้สถานการณ์ความไม่สงบที่อิสราเอลยังคงมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีได้ติดตามสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นด้วยความกังวล และหวังว่าสถานการณ์จะกลับเป็นปกติในเร็ววัน พร้อมทั้งแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งท่านได้เน้นย้ำว่า “ไทยขอคัดค้านความรุนแรงที่เกิดขึ้นในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อส่งผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์ รวมถึงคนไทย” โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำให้กระทรวงมหาดไทยประสานผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดได้ลงพื้นที่ไปสำรวจสภาพปัญหาความเดือดร้อนและให้กำลังใจพร้อมทั้งพิจารณาให้ความช่วยเหลือครอบครัวของแรงงานไทยที่อิสราเอลตามความเหมาะสม สมดังปณิธาน “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข”
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตนขอชื่นชมท่านผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดที่ได้นำความห่วงใยพี่น้องประชาชนของท่านนายกรัฐมนตรีและท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยข้างต้น ลงพื้นที่ไปสำรวจครัวเรือนของพี่น้องประชาชนคนไทยที่ไปใช้แรงงานในประเทศอิสราเอล โดยใช้แนวทางการทำงานตามโครงการอำเภอบำบัดทุกข์ บำรุงสุข แบบบูรณาการ ด้วยกลไก “ทีมอำเภอ” ทั้งทีมที่เป็นการทางการ คือ ปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คณะกรรมการหมู่บ้าน และข้าราชการในพื้นที่ รวมทั้ง “ทีมจิตอาสา” จากภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ทั้งภาคผู้นำศาสนา ภาควิชาการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน และภาคสื่อสารมวลชน บูรณาการระดมทรัพยากรไปให้กำลังใจ ไปติดตามถามไถ่ ช่วยประสานงานการติดต่อสื่อสาร การดูแลช่วยเหลือในด้านการดำรงชีวิตประจำวัน ทั้งอาหารการกิน หยูกยารักษาโรค ที่อยู่อาศัย ปัจจัย 4 รวมทั้งนำแนวทางการขับเคลื่อนหนึ่งตำบลหนึ่งหมู่บ้านยั่งยืนตามพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา โดยกลไก “หัวหน้าคุ้มบ้าน” ที่ในขณะนี้ทุกหมู่บ้านได้มีกลไกดังกล่าวในการดูแลสารทุกข์สุขดิบของพี่น้องประชาชนในทุกครัวเรือน รวมถึงการส่งเสริมด้านการดำรงชีวิตประจำวันแบบพึ่งพาตนเองตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้กับพี่น้องประชาชนที่ประสงค์เดินทางกลับมาใช้ชีวิตที่ประเทศไทยในภูมิลำเนาร่วมกับครอบครัว ทั้งการน้อมนำแนวพระราชดำริเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหารของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” และ “ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” เพื่อให้มีพืชผักสวนครัว พืชสมุนไพรไว้รับประทานในครัวเรือน การพัฒนาคุณภาพชีวิตผ่านโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่โคก หนอง นา โดยพัฒนาการจังหวัด พัฒนาการอำเภอ ให้ความรู้ คำแนะนำ ในการพัฒนาพื้นที่และส่งเสริมความรู้รักสามัคคีของคนในชุมชนมาร่วมกันลงแขกเอามื้อสามัคคี เพื่อให้มีพื้นที่ในการดูแลการใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ทั้งเลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา เลี้ยงกบ ปลูกไม้ไล่ระดับ สูง ต่ำ เตี้ย เรี่ยดิน หรือการปลูกพืช 4 อย่าง ประโยชน์ 5 อย่าง เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ จะทำให้พี่น้องประชาชนที่ประสงค์เดินทางกลับมายังพื้นที่หมู่บ้านจะได้ใช้ชีวิตและต่อยอดไปสู่อาชีพที่จะทำให้ตนเองมีความสุข ครอบครัวมีความสุข อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขร่วมกัน อันเป็นความสุขที่ยั่งยืน
“จากรายงานการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการของกระทรวงการต่างประเทศในวันนี้ มีประชาชนชาวไทยเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความรุนแรงในอิสราเอล 24 คน ทั้งนี้ สำหรับข้อมูลการสำรวจสภาพปัญหาและการให้ความช่วยเหลือครอบครัวของแรงงานไทยในอิสราเอล ขณะนี้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านนายอำเภอ ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ ได้ลงพื้นที่ไปช่วยเหลือ เยี่ยมเยียน ให้กำลังใจ พี่น้องประชาชนแล้ว 278 ครอบครัว ในพื้นที่ 57 จังหวัด อาทิ
1) จังหวัดกำแพงเพชร มีข้อมูลผู้ใช้แรงงานที่เดินทางไปอย่างถูกกฎหมาย จำนวน 266 คน โดยทุกรายปลอดภัยดี ขณะนี้อยู่ในความดูแลของทหารอิสราเอลและเตรียมรอคำสั่งอพยพไปพื้นที่ปลอดภัยเพื่อขึ้นเครื่องบินกลับประเทศไทย ซึ่งนายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร พร้อมด้วยนางกาญจนี รุจนเสรี ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดกำแพงเพชร และหัวหน้าส่วนราชการ ได้ร่วมมอบสิ่งของให้กำลังใจกับครอบครัวของแรงงานไทยในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
2) จังหวัดปราจีนบุรี มีข้อมูลผู้ใช้แรงงานฯ จำนวน 30 ราย โดยนายรณรงค์ นครจินดา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี นำหัวหน้าส่วนราชการลงพื้นที่ ส่งมอบความห่วงใย และมอบสิ่งของแทนกำลังใจให้กับครอบครัวของแรงงานไทยที่ไปทำงานในประเทศอิสราเอล
3) จังหวัดชัยนาท นายนที มนตริวัต ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและนายอำเภอพร้อมทีมอำเภอลงพื้นที่ อำเภอเมืองชัยนาท อำเภอวัดสิงห์ อำเภอหันคา อำเภอสรรคบุรี และอำเภอมโนรมย์ เยี่ยมเยียนให้กำลังใจครอบครัวแรงงานที่ไปทำงานในประเทศอิสราเอล จำนวน 8 ครัวเรือน พร้อมทั้งกำชับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และคณะกรรมการหมู่บ้าน ได้ร่วมกันดูแลให้กำลังใจครอบครัว หากมีสิ่งใดที่ให้ทางจังหวัด อำเภอ ได้ช่วยเหลือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการติดต่อประสานกับทางราชการ กระทรวงการต่างประเทศ ขอให้เร่งประสานมายังผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอได้ตลอดเวลา
4) จังหวัดพัทลุง นางนิศากร วิศิษฏ์สรอรรถ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ลงพื้นที่มอบสิ่งของแทนกำลังใจให้กับครอบครัวของแรงงานไทยในประเทศอิสราเอลที่ไม่ประสงค์จะขอเดินทางกลับประเทศไทย
5) จังหวัดพิจิตร นายสิงหราช วงษ์เสงี่ยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ได้ลงพื้นที่ 9 ครอบครัว เพื่อให้กำลังใจแก่ครอบครัวของแรงงานไทยในอิสราเอล
6) จังหวัดตราด นายกัฬชัย เทพวรชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดตราด นำหัวหน้าส่วนราชการลงพื้นที่ 5 ครอบครัว เพื่อให้กำลังใจแก่ครอบครัวของแรงงานไทย
7) จังหวัดหนองบัวลำภู นายสุวิทย์ จันทร์หวร ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู นำหัวหน้าส่วนราชการลงพื้นที่เยี่ยมเยียนให้กำลังใจและส่งมอบสิ่งของให้กับภรรยาของแรงงานไทยในอิสราเอลที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบ
8)จังหวัดลำพูน นายสันติธร ยิ้มละมัย ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ร่วมลงพื้นที่เยี่ยมเยียนให้กำลังใจ พร้อมมอบสิ่งของเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่ครอบครัวแรงงานไทยในอิสราเอลซึ่งเป็นชาวอำเภอแม่ทา จำนวน 2 ครัวเรือน
9) จังหวัดศรีสะเกษ นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นำหัวหน้าส่วนราชการ ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวแรงงานไทยที่เสียชีวิตพร้อมให้ความช่วยเหลือ พร้อมทั้งเยี่ยมเยียนให้กำลังใจครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบ 1 ราย มอบเงินช่วยเหลือ พร้อมถุงยังชีพ เครื่องอุปโภค บริโภค แก่ภรรยาผู้ได้รับผลกระทบ
10) จังหวัดกาฬสินธุ์ นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือและเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวแรงงานไทยที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ความรุนแรงประเทศอิสราเอล
11) จังหวัดอุดรธานี นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนและให้กำลังใจ มอบเงินช่วยเหลือ และถุงยังชีพแก่ครอบครัวแรงงานไทยในอิสราเอลที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ความไม่สงบ และครอบครัวของแรงงานผู้ถูกควบคุมตัวในขณะนี้
12) จังหวัดอุบลราชธานี นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วยผู้ช่วยศาสตราจารย์จุรีรัตน์ กอเจริญยศ ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดอุบลราชธานี ลงพื้นที่ให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพแก่ครอบครัวของแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบในประเทศอิสราเอล และมอบเงินช่วยเหลือสงเคราะห์ พร้อมมอบชุดเครื่องอุปโภคบริโภค ชุดธารน้ำใจของเหล่ากาชาดจังหวัด และ
13) จังหวัดนครราชสีมา นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา มอบหมายให้นายไพรัตน์ อินทร์ปัญญา นายอำเภอเฉลิมพระเกียรติ และส่วนราชการลงพื้นที่เยี่ยมเยียนให้กำลังใจมารดาของแรงงานไทยผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล พร้อมมอบเงินช่วยเหลือ ถุงยังชีพ และเดินทางเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวแรงงานไทยที่ขณะนี้ยังใช้ชีวิตในอิสราเอล” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติม
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวในช่วงท้ายว่า กระทรวงมหาดไทยมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่างที่พวกเราทุกคนได้ทราบและติดตามข่าวสารเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศอิสราเอล ซึ่งมีพี่น้องคนไทยจำนวนมากที่ทำงานอยู่รวมทั้งกำลังประสบความเดือดร้อน ความลำบากยากแค้นในยามที่อิสราเอลกำลังอยู่ในภาวะสงคราม ดังนั้น สิ่งที่กระทรวงมหาดไทยทำได้ในขณะนี้โดยใช้ทุกกลไกที่มีอยู่ คือ การยึดมั่นในปณิธาน “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” และบรรเทาความเดือดร้อน ความทุกข์ยากลำบากใจของครอบครัวแรงงานไทยในอิสราเอลที่ในขณะนี้หลาย ๆ ครอบครัวอยู่ในภาวะขวัญเสีย ในภาวะกังวล บ้างก็นอนไม่หลับ บ้างก็รับประทานอาหารไม่ได้ เพราะห่วงใยลูกหลานที่ต้องใช้ชีวิต หรือจากคำบอกเล่าก็ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกเมื่อรู้ว่าสมาชิกในครอบครัวได้เสียชีวิตหรืออยู่ระหว่างถูกควบคุมตัว โดยกระทรวงมหาดไทยจะยังคงติดตามสถานการณ์ร่วมกับพี่น้องคนไทยทุกคนอย่างต่อเนื่อง และมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ และทุกกลไกในพื้นที่ ดูแลครอบครัวของพี่น้องประชาชนแรงงานไทยในอิสราเอลอย่างเต็มกำลังความสามารถ และหากครอบครัวแรงงานไทยต้องการติดต่อสอบถามข้อมูลกับกระทรวงการต่างประเทศ สามารถประสานไปยังท่านนายอำเภอ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อเร่งติดต่อประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศโดยทันที “เราจะอยู่เคียงข้าง และร่วมให้กำลังใจพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนไปด้วยกัน”
กองสารนิเทศ สป.มท.
วันที่ 14 ต.ค. 2566