‘คังซีฮ่องเต้’ ป่วยด้วยโรคประหลาด หมอมีชื่อทุกคนรักษาไม่หาย จนต้องเลิกให้ยา วันหนึ่งจึงเดินเล่นยามค่ำตามลำพังไปถึงตรอกแห่งหนึ่ง ได้ยินเสียงคนอ่านหนังสือ ทรงคิดว่าในวังกลับไม่มีคนจริง คนจริงกลับมาอยู่ท่ามกลางผู้คนทั่วไป
จึงเคาะประตู คนเปิดประตูอายุสี่สิบกว่าปี คาดว่าเป็นคนขายยา จึงแจ้งอาการว่าเป็นโรคประหลาด ขึ้นจุดสีแดงตามลำตัว เชิญหมอมารักษาก็ไม่หาย ช่วยดูให้หน่อย คนขายยาจึงขอให้ถอดเสื้อออกดู และกล่าวว่า ท่านไม่ต้องกังวล ไม่ใช่โรคร้ายอะไร เพียงแต่ปกติท่านกินอาหารดี ๆ ทั้งจากป่าเขาและท้องทะเลมากเกินไป แถมกินโสมมาเป็นเวลานาน ความร้อนจู่โจมจึงผุดเป็นจุดแดงคันขึ้นมา คังซีถามว่าโรคนี้รักษาได้ไหม คนขายยาบอกว่า ไม่ยาก ใช้ยาเล็กน้อยก็หายแล้ว ว่าแล้วก็เทยาออกมาประมาณ 7-8 จิน (หน่วยน้ำหนัก ประมาณ 0.5 kg)
คังซีตกใจถามว่าต้องกินเยอะขนาดนี้เลยหรือ คนขายยาบอกนี่คือต้าหวาง
(ตั่วอึ๊ง ยาระบาย) ไม่ได้ให้กิน แต่ให้นำกลับไปต้มกับน้ำ 100 จิน (ประมาณ 50 ลิตร) รอให้เย็นลง พออุ่นก็ลงไปอาบแช่ อย่างน้อย 3 ครั้งอย่างมาก 5 ครั้งก็หายแล้ว
คังซีคิดในใจว่า ในวังหมอเก่งใช้ยาพิเศษตั้งมากมายยังไม่หาย แล้วต้าหวางแสนธรรมดานี้จะรักษาเราหายหรือ คนขายยาดูสีหน้าออก จึงกล่าวว่าท่านจงวางใจ ไม่ต้องจ่ายค่ายา ให้นำไปใช้ก่อน หากไม่หาย ไม่ขอรับค่ายา คังซีจึงบอกว่าหากหาย ย่อมต้องตอบแทนอย่างหนัก
คังซีกลับถึงวัง ทำตามที่คนขายยาบอก ชั่วขณะที่ลงแช่ในถังยารู้สึกร่างกายสะอาดกระจ่าง สบายอย่างยิ่งเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ภายหลัง 3 ครั้งก็ไม่มีอาการคันแล้ว จุดแดงบนร่างกายก็หายไปหมด คังซีดีใจยิ่ง วันที่ 4 จึงกลับไปที่ร้านขายยา คนขายยาเห็นอาการแล้ว เลยกล่าวว่าท่านจะมาชำระค่ายาใช่ไหม คังซีตอบว่า แน่นอน ท่านหมอคิดเงินเท่าไหร่
คนขายยาก็หัวเราะเสียงดัง กล่าวว่า น่าละอายแล้ว วันนั้นเห็นท่านเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งจึงกล่าวเช่นนั้น ต่อให้วันนี้หายดีก็ยังไม่รับค่ายา แต่เห็นท่านราศีไม่ธรรมดา ก็เพียงแต่คิดคบเป็นเพื่อนไว้ก็พอแล้ว ขอทราบนามอันสูงส่งของท่าน คังซียิ้มน้อย ๆ กล่าวว่า นักศึกษา(ถ่อมตัว) สกุลหวาง (อึ๊ง) นามว่า เทียนชิง เป็นนักศึกษาคนหนึ่ง คนขายยาได้ยินก็กล่าวตอบอย่างยินดีว่า ข้าพเจ้าเรียกว่า จ้าวกุ้ยถัง เป็นนักศึกษายากไร้คนหนึ่ง บิดามีปณิทานอยากให้ข้าพเจ้าได้ดีมีลาภยศ แต่ ‘คนคาดหวังหรือจะสู้ฟ้าลิขิต’ สอบบัณฑิตหลายครั้งก็ไม่ผ่าน ได้แต่เปิดร้านยาเล็ก ๆ ฝึกจ่ายยาไปด้วยคร่ำเคร่งเล่าเรียนไปด้วย หวังว่าจะมีสักวันจะผ่านการสอบได้
คังซีกล่าวว่าพี่จ้าว คำโบราณว่า ‘แม้บนกำแพงยังไม่มีชื่อเรา แต่ใต้เท้าเราก็ยังมีทางเดินอยู่’ อาศัยความสามารถทางการแพทย์ที่สูงส่งของท่าน ข้าพเจ้าสามารถฝากท่านเป็นหมอในวังได้ นี่มิใช่เหมือนสอบผ่านรึ
แต่จ้าวกุ้ยถังกลับหัวเราะพูดว่า ผิดแล้ว ข้าพเจ้าต้องการอาศัยการแพทย์เพื่ออำนวยประโยชน์แก่มวลชนช่วยพวกเขาพ้นทุกข์ยาก หากเข้าวังเป็นหมอหลวงรับโชควาสนาแต่ไม่อาจช่วยรักษาโรคให้เหล่าราษฎร ไม่บรรลุปณิธานของข้าพเจ้า จะมีประโยชน์อะไรในการเป็นหมอ
คังซีฟังแล้วกล่าวว่า คุณธรรมของพี่จ้าวทำให้ข้าพเจ้านับถือนัก เพื่อนรัก ขอพูดตรง ๆ ท่านจะโกรธข้าพเจ้าก็ได้ ในเมื่อสอบไม่ติด ทำไมไม่ปล่อยวางเสียล่ะ จ้าวกุ้ยถังก็กล่าวว่า ข้าพเจ้าก็คิดเช่นนั้น แต่การขายยาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะข้าพเจ้าไม่มีทุนมากพอ ‘ปณิธานแม้กว้างใหญ่ แต่ก็เบิกทางไปได้ไม่เท่าไหร่’ พี่ชาย หากวันหน้าท่านได้ลาภใหญ่ ก็ช่วยข้าพเจ้าสักครั้ง ให้ข้าพเจ้าได้ก่อตั้งร้านขายยาขนาดใหญ่ ก็เท่ากับข้าพเจ้ารักษาท่านไม่เสียเปล่าแล้ว
คังซีก็กล่าวโดยไม่ลังเลเลยว่า หากต้องการตั้งร้านยาใหญ่จริง ๆ จะตั้งชื่อว่าอะไรดี ชื่อว่า ‘ถงเหรินถัง’ ท่านว่าชื่อนี้เป็นไง จ้าวกุ้ยถังเห็นเขาเอาจริงเอาจังก็พูดพลางหัวเราะพลางว่า ข้าพเจ้าแค่พูดเล่น ท่านอย่าได้จริงจังไปเลย ว่าไปแล้วการก่อตั้งร้านขายยาขนาดใหญ่ต้องใช้เงินมากมาย ใครจะไปรู้ว่าเมื่อไหร่ท่านจึงจะได้ลาภก้อนโต นี่ก็แค่ฝันกลางวัน พอที ๆ คังซีกล่าวว่า ลองดูทีรึ
กล่าวพลางนำปากกาจากโต๊ะมาเขียนจดหมายฉบับหนึ่งอย่างคล่องมือ ปิดผนึกแล้วกล่าวว่า พี่จ้าว พรุ่งนี้ท่านไปที่กรมวัง ที่นั่นเพื่อนของข้าพเจ้าคนหนึ่งอาจช่วยเป็นธุระเรื่องนี้ได้ กล่าวจบก็ลากลับ จ้าวกุ้ยถังเห็นท่านทรงผลุนผลันกลับไปในใจคิดว่าคนผู้นี้ประหลาดจริง
วันต่อมา จ้าวกุ้ยถังก็อดไม่ได้ที่จะนำจดหมายไปที่กรมวัง ส่งจดหมายไปเพียงครู่หนึ่งก็มีขันทีท่านหนึ่งออกมา พาจ้าวกุ้ยถังเข้าข้างใน ผ่านส่วนงานต่าง ๆ มาจนถึงหน้าห้องใหญ่ห้องหนึ่ง ขันทีเปิดประตูห้อง ชี้ไปภายในกล่าวว่า ท่านจ้าว เงินปริมาณนี้พอต่อค่ายาของท่านหรือไม่ จ้าวกุ้ยถังเพ่งมองแล้วอดแปลกใจไม่ได้ เห็นแต่เงินขาวปลั่งเต็มห้อง ยืนนิ่ง ณ ที่นั้นไปครู่หนึ่ง จึงได้ยินขันทีกล่าวว่า ท่านจ้าว ฮ่องเต้ทรงรับสั่งว่า ท่านรักษาเจ้าอยู่หัวจนหาย ไม่เก็บเงินแม้สลึงเฟื้อง จึงอยากให้ร้าน ‘ถงเหรินถัง’ เป็นของขวัญ ให้สมปณิธานของท่านเถิด
ถึงตอนนี้จ้าวกุ้ยถังจึงเหมือนตื่นจากฝันมา ที่แท้พี่หวางที่คบกันโดยไม่คาดหวังใด กลับเป็นเจ้าอยู่หัวปัจจุบัน สำนึกเสียใจภายหลังอย่างยิ่งต่อการกระทำมิบังควร ทำไมไม่ระแคะระคายสักนิด
ต่อจากนั้นไม่กี่วันร้านขายยาขนาดใหญ่ก็ผุดขึ้นมา ขนานนาม “ถงเหรินถัง” เมื่อวันที่จ้าวกุ้ยถังเปิดกิจการ ฮ่องเต้คังซีถึงกับมาร่วมยินดี ทำเอาจ้าวกุ้ยถังเงอะงะทำอะไรไม่ถูก คังซีจึงยิ้มพลางกล่าวว่า ท่านอย่าวุ่นวายใจไปเลย ค่ายาของท่าน ข้าพเจ้าก็คืนให้แล้ว ตรวจรักษาครั้งหน้าก็ยังไม่เก็บแม้สลึงเฟื้องต่อไปเถิด
นับจากนั้นปักกิ่งเมืองหลวงจึงมีร้านขายยาขนาดใหญ่ชื่อเสียงเลื่องลือ ชื่อว่า “ถงเหรินถัง”
เรื่องนี่เป็นเรื่องจริง การได้อ่านเรื่องนี้สอนแก่เราว่า คนซื่อตรง ใจซื่อตรง คนใจดี จิตใจงาม ประกอบกรรมใดย่อมได้ผลอย่างนั้น
Cr: Friend of
Nucharintr Uthaisangchai