พลิกกันอีกรอบ
หลังจากชื่อของ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผบ.ตร. ถูกหยิบขึ้นมาเป็นแคนดิเดทเต็ง 1 ผบ.ตร. คนที่ 14 เหตุเพราะมีอาวุโสมากกว่าแคนดิเดททุกคน หากเป็น ผบ.ตร. คนต่อไป จะไร้ข้อกังขา และการร้องทุกข์ ร้องเรียน
แต่ผ่านไป 1 สัปดาห์ โผพลิกกันอีกรอบเมื่อมีการเสนอ ให้สรรหา รองผบ.ตร. ให้เป็นเลขาฯ สภาความมั่นคงแห่งชาติ ( สมช.) คนที่ 24 ให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผบ.ตร.ขึ้นดำรงตำแหน่งนี้
สายข่าวความมั่นคงในทำเนียบรัฐบาลรายงานให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เร่งตัดสินใจแต่งตั้ง พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. จาก ตท. 24 (นรต.40) ที่กำลังมาแรง รุ่นเดียวกับ ว่าที่ ผบ.สส. พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี เป็นเลขา สมช.คนใหม่ แทน พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม ซึ่งจะเกษียณชีวิตราชการปลายเดือน ก.ย. นี้
ก่อนหน้านี้มีข่าว “รองฯ รอย” ซึ่งมีอาวุโสสูงสุดพร้อมประวัติการรับราชการ ที่โดดเด่นอาจมีเซอร์ไพร์สได้ลุ้น ขยับขึ้นเป็น ผบ.ตร. คนที่ 14 แต่มาแผ่วปลายช่วงท้าย สู้แรงเบียดพลังเทอร์โบของ “รองต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ที่มีอาวุโสอันดับสี่ แต่นำโด่งยาวไม่สะดุดตั้งแต่ออกสตาร์ท
“รองฯ รอย” จะเป็นเลขา สมช.คนที่ 24 และเป็นนาย ตร. คนที่สองที่มารับผิดชอบงานด้านความมั่นคงของชาติ
ก่อนหน้ามีข่าวทางกองทัพเสนอชื่อ พล.อ.นักรบ บุญบัวทอง จาก ตท.24 เช่นกัน เป็นแคนดิเดตเลขา สมช. มีประวัติการทำงานด้านความมั่นคงมาตลอดใน กอ.รมน. โดยเฉพาะใน จชต. เคยร่วมขับเคลื่อนในคณะทำงานพูดคุยสันติสุขแก้ปัญหา จชต. ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์
พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. เคยผ่านการลุ้นชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. มาแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ประวัติด้านการศึกษา เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 24 และนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 40 มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย พล.ต.อ.รอย จบปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปริญญาโท MPA จากสหรัฐอเมริกา จบหลักสูตรหลัก FBI จากสหรัฐอเมริกา หลักสูตรสืบสวนจากสหรัฐอเมริกา-ออสเตรเลีย ระหว่างปี 2561-2564
ในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร “พล.ต.อ.รอย” รับผิดชอบงานด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ ควบคู่กับการเป็นหัวหน้าศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.), ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมและความมั่นคง (ศตปค.ตร.), ศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.) ศูนย์บังคับและต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) (ศบตอ.ตร.) และเคยเป็นกำลังสำคัญในด้านการปราบปรามการค้ามนุษย์
ส่วนผลงานปี 2561-2564 เป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. รับผิดชอบงานสืบสวนสอบสวน, ป้องกันปราบปราม, กฎหมายและคดีและงานบริหารงบประมาณของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และได้รับมอบหมายงานพิเศษเป็น รอง ผอ. ศูนย์ปฏิบัติการตรวจสอบการกระทำอันขัดต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของรัฐ
ผลงานเด่นสุด เปิดปฏิบัติการสนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่สถานทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ บุกเข้าช่วยเหลือคนไทยในอาคารแห่งหนึ่ง กลางเมืองพนมเปญ ประเทศกัมพูชา หลังถูกหลอกไปทำงาน คอลเซ็นเตอร์หลอกลวงคนไทยด้วยกันเองและถูกกักขังบังคับให้ทำงาน ช่วยเหลือและพากลับไทยได้นับร้อย จนได้รับฉายาว่า “นายพล take me home” (พล.ต.อ.รอย จะเกษียณอายุราชการ ในปี 2567)
ขอขอบคุณ : เพจ คอลัมน์คาดเชือก