หลังฝนตก “ท้องฟ้าแจ่มใส”
รื้อฟื้นสัมพันธภาพ “ไทย-ซาอุฯ” สู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ “ยุคบิ๊กตู่”
ย้อนคดีสังหารฑูต – อาถรรพ์เพชรซาอุฯ ก้าวข้ามอดีต เปิดโครงสร้างเศรษฐกิจยิ่งใหญ่
“30 ปีความสัมพันธ์ระหว่างไทย กับซาอุดีอาระเบีย ถูกปิดกั้นกำแพงการฑูตลง“
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางเยือน ซาอุฯ ตามคำเชิญ “เจ้าชายมุฮัมมัดบิน ซัลมาน บินอับดุล อะซีซ อัลซาอุด มกุฏราชกุมาร รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม แห่งซาอุฯ” เพื่อฟื้นสะสางสัมพันธ์ในอดีตประสบผลสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
เป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ก้าวข้ามปัญหาคั่งค้างด้วยเทียบเชิญขั้นสูงสุด เริ่มเปิดโครงการสร้างรากฐาน ด้านเศรษฐกิจสำคัญ ในอนาคต ทั้งสองประเทศ ไม่ว่าด้านท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ, ด้านแรงงาน, การลงทุน, อาหารฮาลาล ที่สร้างเม็ดเงินมหาศาล ฯลฯ ทั้งยังทำให้เกิดการชักชวนพี่น้องชาวมุสลิม กลุ่มประเทศอาหรับ มาลงทุนท่องเที่ยวในไทยมากขึ้นนับเป็นข่าวดี เป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ยุค “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ที่ต้องบันทึกจารึกไว้
* ย้อนอดีตของความสัมพันธ์ ที่ขาดสะบั้นมายาวนาน
เป็นความพยายามของรัฐบาลไทยทุกชุด ที่จะฟื้นความสัมพันธ์กับรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย หลังจากรายได้มหาศาล จากการส่งคนงานข้ามประเทศต้องสูญเสียไป ความสัมพันธ์ ถูกปิดตายมายาวนาน นับแต่เกิดคดีฆาตกรรมเจ้าหน้าที่การฑูต และนักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย เมื่อปี 2532 รวมทั้ง “คดีเพชรซาอุฯ“ ที่ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ หลังจาก “ปลํ้าผีลุก ปลุกผีนั่ง“ มาเกือบ 40 ปี
เหตุการณ์สังหารนักการฑูต และ นายโมฮัมเหม็ด อัลรูไวรี นักธุรกิจชาวซาอุฯ ทำให้วงการตำรวจ และวงการฑูตไทย เสียหน้าอย่างยิ่งเพราะหาตัวคนร้ายไม่ได้ จนถึงวันนี้ รวมทั้งคดีเพชรซาอุฯ ที่คนงานไทยในอดีต “นายเกรียงไกร เตชะโม่ง“ ขโมยมาจาก พระราชวังเจ้าชายไฟซาลฯ นำผล กระทบต่อความสัมพันธ์ และไทยต้องสูญเสียรายได้ไปหลายแสนล้านบาท
คงจำกันได้ว่า “อาถรรพ์เพชรซาอุฯ“ ได้เคยสำแดง ฤทธิ์เดชของมันให้ประจักษ์มาแล้ว ! เพราะความโลภในลาภยศ และอำนาจ ที่พาไปสู่ปมเงื่อนไขสำคัญแห่งคดี หลายคนต้องมีอันเป็นไปรวมทั้งผู้เกี่ยวข้องทั้งเล็ก ทั้งใหญ่ถูก “สังเวย“ และเดินเข้าสู่ตะแลงแกง คนแล้วคนเล่า
ทุกรัฐบาลที่ผ่านมา ตั้งท่าประกาศเอาจริง “รื้อคดีใหม่“ ตั้งคณะกรรมการหลายชุด ขุดหาหลักฐาน เล่นเอาบรรดาตัวการใหญ่ที่เกี่ยวข้องในอดีต ต่างเคลื่อนไหวกันคึกคัก ถึงกับมือข่าวลือว่า..งานนี้ต้องซัดทอดกันวุ่นวาย เป็นแน่แท้ ! สุดท้าย กลายเป็น “ปาหี่กลางเมือง” !
คดีเพชรซาอุฯ ยืดเยื้อต่อเนื่องหลายปี กลายเป็นตำนานหนังยาว ยิ่งกว่าเรื่อง “เพชรพระอุมาเมืองไทย” จากสำนวนสวบสวนนับหมื่นหน้า ผู้เกี่ยวข้องในคดี เดินทางไปเมืองผีกว่า 20 ชีวิต เปลี่ยนอธิบดีกรมตำรวจ – ผบ.ตร. มานับสิบคน ผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยนับไม่ถ้วนจนป่านนี้ คดีอมเพชร และคดีสังหารนักการฑูตซาอุฯ ยังหาบทสรุปไม่ได้
คดีเพชรซาอุฯ กลายเป็นคดีประวัติศาสตร์ ทำให้วงการตำรวจไทย ได้รับความอัปยศอดสูที่สุด เพราะตัวละครเอกคดีสะท้านโลก เป็นตำรวจใหญ่ ที่สะท้อนความล้มเหลวแห่งคดี จากโจรกรรมธรรมดาสู่ฆาตกรรมประวัติศาสตร์ของ 2 แม่ลูก “ตระกูลศรีธนะขันฑ์” ที่สังคมไทยไม่อาจลืมเลือน !
หนักหนาสาหัสที่สุด คือความสัมพันธ์ไทย – ซาอุดีอาระเบีย “ที่กว่าจะพบแสงสว่างได้ ต้องใช้เวลา กว่า30 ปี” !
ใครจะคิดบ้างว่าเครื่องเพชรมูลค่า 500 ล้านบาท (เมื่อปี 2532) ที่นาย เกรียงไกร เตชะโม่งชาวลำปางไปขายแรงงาน อยู่ในพระราชวังเจ้าชายไฟซาลฯ แห่งซาอุดีอาระเบีย ขโมยกลับประเทศไทย เมื่อเดือนสิงหาคม 2532 จะกลายเป็นหนังยาวไม่จบขณะนั้น !
“โคตรเพชรมูลค่ามหาศาล กลายเป็นเพชรอาถรรพ์ ไล่ล่าชีวิตครอบครัว ผู้เกี่ยวข้อง ล่มสลายนับไม่ถ้วน” !
กรมตำรวจยุคนั้น ตั้ง พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ผู้บัญชาการกรมตำรวจ ให้ติดตามเพชรซาอุฯ คืนให้ได้ “พล.ต.ท.ชลอ“ จึงนำชุดบุกจับ นายเกรียงไกร ไปขุดเพชร ที่ฝังดินไว้ รวบรวมไปคืนเจ้าชายไฟซาลฯ ที่จัดเครื่องบินพระที่นั่งส่วนพระองค์ มารับเพชรคืน ถึงประเทศไทย “แต่เพชร ที่นำส่งราชวงศ์ กลับมีการแหกตา มีเพชรปลอม ปนใส่เข้าไปด้วย” !!
พล.ต.อ.สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ อตร.ยุคนั้น มีคำสั่งให้ พล.ต.ท.ธนู หอมหวล ผบ.สอบสวนกลาง หาขบวนการ “อมเพชร“ ในที่สุดจับกุม พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ได้ ต่อมาโยงใยถึงสองแม่ลูกตระกูลศรีธนะขันฑ์ ที่เสียชีวิต !
“เป็นประกาศิตสั่งตาย รบกับผีดีกว่ารบกับคน“ ที่อื้อฉาว มนต์ดำอาถรรพ์ลึกแห่ง “เพชรซาอุฯ” และรังสีอำมหิตพิสดาร ของกฏแห่งกรรม ! ส่งผลให้ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ อดีตเจ้าพ่อกองปราบฯ ต้องชดใช้หนี้กรรมอย่างยาวนานในคุกลาดยาวกระทั่งถึงวาระ “พ้นคุก” ! ส่วนนายเกรียงไกร เตชะโม่ง (เปลี่ยนนามสกุลใหม่ ) ศาลตัดสินจำคุก 7 ปี แต่ชดใช้กรรมอยู่เพียง 2 ปี 7 เดือน พ้นโทษ ในปี 2535
2-3 ปีที่ผ่านมา นายชลอ เกิดเทศ อดีตมือปราบพระกาฬ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเรียบง่าย ได้ฉายา “พระชลอ อิสโร“ ก่อนหน้านั้น นายชลอ เคยเดินทางไปร่วมงานบวช นายเกรียงไกร เตะชะโม่งอดีตผู้ต้องหาที่วัด อ.เถิน จ.ลำปาง เช่นกัน ทั้งสองได้พบสนทนาธรรม รำลึก “ตำนานกฏแห่งกรรม“ อย่างถ้วนทั่ว ! ที่ดำรงความศักดิ์สิทธิ์เป็นสัจธรรมตลอดกาล
เหตุการณ์ในอดีต เป็นบทเรียนสำคัญ เตือนสติ ให้ตระหนักถึงความผิดพลาดมหันต์ ทำให้ความสัมพันธ์ เหือดหายยาวนาน ต้องประคับประคองป้องกัน มิให้เกิดขึ้นอีก !