ผู้ว่าฯ ราชบุรี เผยฝ่ายปกครองลงพื้นที่ตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้า อุปกรณ์ และยาควบคุมอันตรายในพื้นที่อำเภอเมืองราชบุรี นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมเน้นย้ำช่องทางการแจ้งเบาะแสการกระทำผิดผ่านสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง
วันนี้ (16 ส.ค. 66) นายรณภพ เหลืองไพโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เปิดเผยว่า จังหวัดราชบุรีได้มอบหมายให้ที่ทำการปกครองจังหวัดราชบุรี ภายใต้การนำของ นายไกรธวัช ทินโสม ปลัดจังหวัดราชบุรี ได้กำชับนายอำเภอทุกอำเภอ ดำเนินการเข้มงวดกวดขันตรวจตราร้านค้าและผู้ประกอบการที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายการกระทำความผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดระเบียบสังคมตามนโยบายกระทรวงมหาดไทย ซึ่งล่าสุด ได้เกิดเหตุขึ้นในพื้นที่อำเภอเมืองราชบุรี โดยนายสุธี เล้าสุบินประเสริฐ นายอำเภอเมืองราชบุรี ได้สั่งการให้ นายวัชรชัย สมีรักษ์ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มบริหารงานปกครอง นายจำนงค์ จันทร์วงค์ ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง นายยศพล ชัยบุลวัชร ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงอำเภอเมืองราชบุรี เจ้าหน้าที่ปกครอง และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) ลงพื้นที่จับกุมบุหรี่ไฟฟ้าที่ “ร้านพร้อมลั่น” ตั้งอยู่ภายในตลาดกำนันหลัก ตำบลหน้าเมือง อำเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี โดยสามารถตรวจยึดของกลางเป็นบุหรี่ไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์ และยาควบคุมอันตรายได้หลายรายการ
“การเข้าจับกุมในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าพนักงานชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับไม่ประสงค์ออกนามว่า นางสาวบี (นามสมมติ) มีบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในครอบครอง โดยมีพฤติการณ์ขับรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลต มาจอดอยู่บริเวณหน้าร้านขายข้าวคลุกกะปิ (ชุนเช้ง) ต.หน้าเมือง อ.เมืองราชบุรี หลังจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่ามีรถคันดังกล่าวจอดอยู่จริง จึงได้แสดงตัวขอตรวจค้นรถยนต์คันดังกล่าว ได้พบพอตบุหรี่ไฟฟ้าสำหรับใช้แล้วทิ้ง จำนวน 2 ชิ้น วางอยู่ที่ช่องด้านข้างประตูคนขับ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ทำการตรวจยึดไว้และสอบถามแหล่งที่ซื้อ ซึ่งนางสาวบี ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมว่าได้ซื้อมาในราคาชิ้นละ 350 บาท จาก “ร้านพร้อมลั่น” ตั้งอยู่ภายในตลาดกำนันหลัก โดยมี นายศุภกิจ หรือ บาส ดีสุคนธ์ เป็นเจ้าของ จึงได้ให้นางสาวบี พาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมไปยังร้านพร้อมลั่น เพื่อตรวจค้น” นายรณภพฯ กล่าว
นายรณภพ เหลืองไพโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี กล่าวต่ออีกว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้เดินทางไปถึงร้านพร้อมลั่น ในเวลา 12.00 น. พบว่า หน้าร้านติดสติกเกอร์ชื่อ “พี่บาส” ภายในร้านถูกปิดไม่มีผู้ใดอยู่ในร้านและคล้องกุญแจไว้ โดยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้มองจากภายนอกผ่านกระจกทึบแสง พบบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ตั้งเรียงรายอยู่เป็นจำนวนมาก จึงได้พยายามติดต่อนายศุภกิจ หรือบาส ผู้เป็นเจ้าของร้าน ตามเบอร์โทรศัพท์ที่ติดอยู่บริเวณหน้าร้าน แต่ไม่สามารถติดต่อได้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งให้นางสาวบี ได้เป็นพยานในการตรวจค้นภายในร้าน พร้อมทั้งได้ถ่ายวิดิโอการตรวจค้นไว้เป็นหลักฐาน ทั้งนี้ จากการตรวจสอบภายในร้าน พบของกลางหลายรายการ ได้แก่ 1) น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 1,933 ชิ้น 2) คอยล์ จำนวน 187 กล่อง 3) คอยล์ จำนวน 74 ตัว 4) หัวแท็งค์ จำนวน 31 ตัว 5) สายคล้องคอ จำนวน 9 เส้น 6) ตัวเครื่องบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 234 ตัว 7) เงินสด จำนวน 25,500 บาท 8) ยาทามาดอล จำนวน 870 เม็ด 9) ยาเบนเฮ็กซอล (B5) จำนวน 250 เม็ด 10) ป้ายโฆษณาสินค้า จำนวน 5 แผ่น 11) ถุงพลาสติกแบบหูหิ้วสำหรับใส่สินค้า จำนวน 25 ใบ จึงได้ทำการตรวจยึดไว้ทั้งหมด และนำส่งให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกนายศุภกิจ หรือบาส ผู้เป็นเจ้าของร้านและเจ้าของสินค้าทั้งหมดมารับทราบข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายรณภพ เหลืองไพโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี กล่าวเน้นย้ำว่า การจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าเป็นการละเมิดกฎหมาย อันเนื่องด้วยความผิดตามกฎหมายศุลกากร ทั้งการซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของ และขายสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า และเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าห้ามขายสินค้า ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังละเมิดกฎหมายอื่น ๆ อีกหลายประการ
“กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง และจังหวัดทุกจังหวัด มุ่งมั่นในการกวาดล้างสิ่งผิดกฎหมายและสิ่งมอมเมาเด็ก เยาวชน และประชาชน ที่ก่อให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง เพื่อธำรงไว้ซึ่งสังคมแห่งความสุข สังคมที่พี่น้องประชาชนมีสวัสดิภาพ มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน อันเป็นการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชน” และขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนทุกท่าน หากพบเห็นเบาะแสการกระทำผิด เช่น ลักลอบจำหน่ายสินค้าผิดกฎหมาย หรือการกระทำความผิดทุกรูปแบบ สามารถแจ้งข้อมูล และร้องเรียนร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ สายด่วน 1567 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง หรือเว็บไซต์ http://damrongdhama.dopa.go.th หรือแอปพลิเคชั่น Dopa Help ทั้งระบบ Android และ iOS” นายรณภพฯ กล่าวในช่วงท้าย
กองสารนิเทศ สป.มท.
วันที่ 16 ส.ค. 2566