“รองเท้าสึกก่อนกางเกงขาด” พ่อเมืองกำแพงเพชรนำทีมปลดหนี้ประชาชน โชว์ต้นแบบ “ผู้นำต้องทำก่อน”

วันนี้ (22 ก.ค. 66) นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร เปิดเผยว่า จังหวัดกำแพงเพชรให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนให้สามารถดำเนินชีวิตแบบพึ่งพาตนเอง ลดรายจ่าย สร้างรายได้ อยู่ในครอบครัวที่อบอุ่น ชุมชนที่มีความรักสามัคคี มีภูมิต้านทานภัยด้านต่าง ๆ ทั้งในมิติสังคม ความมั่นคง และเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็ง โดยน้อมนำแนวทางตามศาสตร์พระราชาของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ได้รับการสืบสาน รักษา และต่อยอด โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยกลไก 357 คือ 3 ระดับ ได้แก่ พื้นที่/ชุมชน จังหวัด สู่ระดับประเทศ 5 กลไก ได้แก่ ประสานงานภาคีเครือข่าย บูรณาการแผน ติดตามประเมินผล การจัดการความรู้ และสื่อสารสังคม และ 7 ภาคีเครือข่าย ได้แก่ ภาคราชการ ภาคผู้นำศาสนา ภาควิชาการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน และภาคสื่อสารสังคม ด้วยการทำงานเป็นทีม

“จังหวัดกำแพงเพชรได้บูรณาการทีมจังหวัด ประกอบด้วย นายอำเภอเมืองกำแพงเพชร พัฒนาการจังหวัด แรงงานจังหวัด พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด เกษตรจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ปลัดอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งหมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village) เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ภายใต้โครงการกินอิ่ม นอนหลับ ปลดหนี้ด้วยศาสตร์พระราชาอย่างยั่งยืน ในพื้นที่ 2 หมู่บ้านของอำเภอเมืองกำแพงเพชร คือ 1) บ้านศรีนคร หมู่ 15 ตำบลเทพนคร ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ประสบสภาพปัญหาด้านรายได้และหนี้สินของประชาชน ขยะมูลฝอย น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค อุบัติเหตุบนท้องถนน เป็นต้น ซึ่งตนได้เน้นย้ำให้ส่วนราชการทั้งท้องที่และท้องถิ่นประสานและบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ขับเคลื่อนโครงการถังขยะเปียกลดโลกร้อน บริหารจัดการขยะมูลฝอย สร้างความตระหนักรู้ทำให้ประชาชนเป็นมนุษย์ 3Rs คือ ใช้น้อย (Reduce) ใช้ซ้ำ (Reuse) และนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) การร่วมกันย้ำเตือนให้เด็ก เยาวชน และคนในหมู่บ้านที่ใช้รถใช้ถนนได้ทำความเข้าใจและปฏิบัติตามกฎหมายจราจร การตั้งด่านชุมชนร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจป้องกันอุบัติเหตุ และการดูแลสุขภาพของประชาชน โดยในการลงพื้นที่ครั้งนี้ ได้มอบชุดลูกเสือ-เนตรนารีให้กับนักเรียนจำนวน 9 ชุด ณ ศาลาการเปรียญวัดเทพนคร หมู่ ๑๕ บ้านศรีนคร ตำบลเทพนคร อำเภอเมืองกำแพงเพชร ด้วย” นายชาธิปฯ กล่าว

นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ ยังได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมบ้านหนองกรด หมู่ 2 ตำบลสระแก้ว ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ประสบปัญหารายได้และหนี้สินของประชาชน ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกิน โดยได้กำชับให้นายอำเภอเมืองกำแพงเพชรได้ย้ำเตือนและกำกับดูแลปลัดอำเภอประจำตำบลได้บูรณาการทีมข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการหมู่บ้าน ได้ประชุมและหมั่นลงพื้นที่ให้ความรู้ให้คำแนะนำประชาชนในเรื่องการบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตร พร้อมทั้งกำหนดแนวทางในการแก้ไขและป้องกันปัญหายาเสพติดในพื้นที่ การนำแผนผังภูมิสังคมมาใช้ในการพัฒนาพื้นที่ รวมถึงส่งเสริมอาชีพให้แก่ประชาชนในพื้นที่โดยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติ โดยก่อนเดินทางกลับได้ร่วมกิจกรรมปลูกผักสวนครัวกับนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองกรดอีกด้วย ณ สวนเกษตรลุงฮุย หมู่ 2 บ้านหนองกรด ตำบลสระแก้ว อำเภอเมืองกำแพงเพชร

นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร กล่าวเพิ่มเติมว่า การนำทีมจังหวัดซึ่งประกอบด้วยหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการขับเคลื่อนโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งหมู่บ้านยั่งยืนฯ ครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำถึงอุดมการณ์การเป็นข้าราชการที่ดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ที่ต้องมุ่งมั่นทำหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุขพี่น้องประชาชน ด้วยการลงพื้นที่ไปเยี่ยมเยียน ไปพบปะประชาชน ไม่เพียงแต่นั่งทำงานบนสำนักงาน โดยหัวหน้าส่วนราชการ คือ “ผู้นำที่ต้องทำก่อน” ทำในเรื่องที่ข้าราชการทุกคนต้องทำ คือ ลงพื้นที่ให้รองเท้าสึกก่อนกางเกงขาด ดังพระโอวาทสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ องค์ปฐมเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเมื่อผู้นำทำแล้ว ก็จะเป็นแบบอย่างให้กับข้าราชการผู้ใต้บังคับบัญชาได้ทำตาม ซึ่งการลงพื้นที่ไปติดตามถามไถ่ ไปให้กำลังใจ ไปหนุนเสริมการสร้างคุณค่าให้กับชีวิตของประชาชนนั้น ล้วนเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในหมู่บ้านให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม พร้อมทั้งขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ตามพันธสัญญาที่ได้ลงนามประกาศเจตนารมณ์ร่วมกับผู้ประสานงาน UN ประจำประเทศไทย ด้วยการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และหลักการทรงงาน มาปรับใช้ภายใต้เป้าหมาย “การสร้างความยั่งยืน” ให้ครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง และสิ่งแวดล้อม นำไปสู่การพัฒนาตนเองที่ยั่งยืนด้วยภาคีเครือข่าย เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันพัฒนาพื้นที่ให้เกิดความยั่งยืนต่อไป