ประชุมสภาฯ ลงมติเอกฉันท์ “วันนอร์” นั่งประธานสภาฯ “ปดิพัทธ์” นั่งรองฯ คนที่ 1 และ “พิเชษฐ์” นั่งรองฯ คนที่ 2

ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบให้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร นายปดิพัทธ์ สันติภาดา (พรรคก้าวไกล) เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง และ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน (พรรคเพื่อไทย) เป็น รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง

โดยในวันนี้ (วันอังคารที่ 4 กรกฎาคม 2566) เวลา 14.10 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล ร่วมกันแถลงข่าว ภายหลังจากที่สภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณา เลือกประธาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ให้ความไว้วางใจสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล ให้เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ซึ่งเป็นการยืนยันถึงความปรองดองของ 8 พรรคที่ได้ทำบันทึกข้อตกลงในการร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล สำหรับคะแนน ที่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ได้รับเลือกตั้ง คือ 312 คะแนน จาก 314 คะแนน ของ 8 พรรคที่ร่วมลงบันทึกข้อตกลงร่วมจัดตั้งรัฐบาล ที่ขาดไป 2 คะแนน คือ สมาชิกผู้ปฏิบัติหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรชั่วคราว และการลาออกของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล 1 คน

ด้าน นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล กล่าวขอบคุณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่ให้ความไว้วางใจในการปฎิบัติหน้าที่รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ซึ่งตนได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล เรียบร้อยแล้ว เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นกลาง โปร่งใสและเป็นธรรมกับทุกพรรคการเมือง สำหรับในขั้นต้นนั้นจะมีการหารือกับประธานสภาผู้แทนราษฎร และ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ในการจัดสรรการทำหน้าที่และนำความรู้ ประสบการณ์ประกอบกับเทคโนโลยี เพื่อให้การทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทันสมัย รวมทั้งการจัดเตรียมสถานที่ให้ สื่อมวลชน ได้ปฏิบัติงาน และประชาชนที่เข้ามาติดต่อได้อย่างสะดวกต่อไป

ด้าน นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.เชียงราย แถลงข่าว ในวันเดียวกัน เมื่อเวลา 14.30 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา โดยนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน แถลงข่าวภายหลังได้รับการเลือกให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ว่า ตนไม่ทราบมาก่อนว่าพรรคจะเสนอชื่อตน เพิ่งทราบเมื่อคืนนี้ และคิดว่าพรรคคงเห็นว่าตนอยู่ในสภาผู้แทนราษฎรมานาน อยู่ร่วมการประชุมสภาฯ มาตลอด ดังนั้นปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสภาฯ นั้น ตนเห็นปัญหามาเยอะ ฝ่ายนิติบัญญัติเล็กมากเมื่อเทียบกับฝ่ายตุลาการและฝ่ายบริหาร คิดว่าครั้งนี้สภาผู้แทนราษฎรจะต้องฟื้นคืนชีพขึ้นมาให้มีศักดิ์มีศรี ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและองค์กร การทำงานของสภาฯ มีขีดจำกัดในเรื่องของงบประมาณ สภาฯ ได้รับงบประมาณจำนวนน้อยมาก และถูกลดงบประมาณลงทุกปี ทั้งนี้ จะพยายามขยายสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรให้กระจายครอบคลุมไปตามต่างจังหวัดให้ครอบคลุมทุกจังหวัดเพื่อให้พี่น้องประชาชนในแต่ละจังหวัดได้เข้าถึงฝ่ายนิติบัญญัติและเพื่อให้สมาชิกฯ ได้นำพาพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนเข้ามายังสำนักงานฯ แต่ละจังหวัด ทั้งนี้ต้องใช้บุคลากรและงบประมาณอีกจำนวนหนึ่งเพื่อดำเนินการ

โอกาสนี้ ฝ่ายประชาธิปไตยจะฟื้นคืนชีพ จึงอยากทำให้สภาผู้แทนราษฎรมีศักดิ์มีศรีเป็นที่พึ่งที่หวังของพี่น้องประชาชนได้มากขึ้น ทั้งนี้ ตนพร้อมทำงานเต็มที่ สำหรับปัญหาสภาล่ม กฎหมาย รายงานต่าง ๆ รวมไปถึงการหารือของสมาชิกฯ จะได้มีการหารือกันอีกครั้ง เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้เปิดช่องน้อยมากในการให้สมาชิกฯ สัมผัสกับประชาชนและส่วนราชการในแต่ละท้องถิ่นน้อยมาก ช่องทางที่สมาขอกฯ จะได้มีโอกาสดูแลพี่น้องประชาชนคือการหารือในสภาผู้แทนราษฎร ที่ผ่านมาเปิดให้ใช้เวลาในการหารือคนละ 2 นาที ซึ่งช่วงของการหารือเป็นเวลาที่มีค่ามากสำหรับสมาชิกฯ และประชาชนอันดับแรกก็จะเพิ่มเวลาการหารือจาก 2 นาทีเป็น 3 นาที เพราะปัญหาของประชาชนในพื้นที่มีจำนวนมากมายเหลือเกิน เพื่อให้สมาชิกฯ ได้ส่งต่อปัญหาความเดือดร้อนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะหารือกับประธานสภาผู้แทนราษฎรและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง และจะหารือเพื่อริเริ่มโครงการใหม่ในการให้กระทรวงต่าง ๆ ได้มาพบปะกับสมาชิกฯ 6 เดือน 1 ครั้ง เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่ในจังหวัดต่าง ๆ ว่ามีปัญหาอะไรบ้าง สมาชิกฯ จะได้นำปัญหาต่าง ๆ คุยกับแต่ละกระทรวงที่มาหารือในสภาฯ สำหรับปัญหาสภาล่มนั้นขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของรัฐบาล หากรัฐบาลสามารถบริหารจัดการเวลาได้ก็จะไม่เกิดปัญหานี้ขึ้น

ที่มา : สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร