จุรินทร์ หนุน วัยรุ่นสร้างตัว เป็น CEO ส่งออก! ลง MOU ม.เชียงใหม่ นำร่อง
วันที่ 28 มกราคม 2565 เวลา 10.30 น.
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านวิชาการระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ภายใต้โครงการปั้น Gen Z เป็น CEO พร้อมด้วยนายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
นายจุรินทร์ กล่าวว่า
สำหรับการลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านวิชาการ (MOU) ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการเพิ่มพูนองค์ความรู้ด้านการค้าระหว่างประเทศให้กับน้อง ๆ นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่หรือน้อง ๆ Gen Z ซึ่งเป็นความหวังของครอบครัวและประเทศในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปในอนาคต ซึ่งเป็นนโยบายที่ตนมอบให้กับกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการเพราะทราบว่าเด็กยุคใหม่ส่วนใหญ่อยากเป็นนายตัวเอง จึงเป็นที่มาของนโยบายที่ตนมอบให้กับกระทรวงพาณิชย์จัดหลักสูตร ปั้น Gen Z เป็น CEO เพื่อให้มีโอกาสเติบโตเป็นนายของตัวเองตามฝันที่เรามี ในประเทศมีน้อง ๆ Gen z ประมาณ 13 ล้านคน มีความสำคัญอย่างยิ่ง และมีความพร้อมในเรื่องการศึกษาการใช้เทคโนโลยี เติบโตในสังคมเทคโนโลยี ถ้าได้รับองค์ความรู้สามารถเติบโตเป็น CEO ในอนาคตได้ จะกลายเป็นแม่ทัพทางเศรษฐกิจให้กับครอบครัว ตนเองและประเทศได้ต่อไป
ซึ่งโครงการนี้ได้ทำมาปีกว่าแล้ว จนถึงสิ้นปี 64 ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากสถาบันการศึกษา 94 สถาบัน สามารถปั้น Gen Z
ให้มีองค์ความรู้เพื่อเตรียมเป็น CEO ในอนาคตได้ถึง 20,000 คน และตั้งเป้าหมายปี 65 จะทำให้ได้อีก 20,000 คน คาดว่าจะได้รับความร่วมมือจากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ในปีก่อนหน้านี้ เฉพาะภาคเหนือ เช่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น มหาวิทยาลัยพายัพ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนา มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เป็นต้น และยังมีสถาบันอาชีวศึกษาอีกหลายสถาบันทางภาคเหนือที่เข้ามาร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจะเป็นหนึ่งในแม่ทัพทางการค้าเศรษฐกิจในอนาคต
โดยหลักสูตรที่เตรียมไว้สำหรับปีใหม่นี้ เช่นความรู้เบื้องต้นที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก ความรู้ขั้นตอนศุลกากร พิธีการศุลกากร
สิทธิประโยชน์ทางภาษีศุลกากร ซึ่งเกิดจากความตกลงทางการค้าทั้งระบบทวิภาคีและพหุภาคี เช่น อาเซียนหรือ ไทย-UK และ RCEP ที่เป็นข้อตกลงทางการค้าใหญ่ที่สุดในโลกครอบคลุม GDP 1 ใน 3 ของโลก
ครอบคลุมประชากร 1 ใน 3 ของโลก มีสมาชิก 15 ประเทศ บังคับใช้เมื่อ 1 ม.ค. 65 มีผลให้ประเทศไทยส่งสินค้าออกไปยังผู้ค้าอีก 14 ประเทศภาษีเป็นศูนย์ 39,000 กว่ารายการ หรือหลักสูตรเจาะลึกแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์และระบบโลจิสติกส์ในระบบการค้าออนไลน์แบบครบวงจร ที่มีเจ้าของแพลตฟอร์มระดับโลกให้ความรู้ทั้ง True HUAWEI TikTok เป็นต้น และวิชาทรัพย์สินทางปัญญาการจดทะเบียนเพื่อคุ้มครองผลิตภัณฑ์ของเราไม่ให้ถูกละเมิด และสินค้าและบริการที่คาดว่าจะมีศักยภาพในอนาคตแนะแนวธุรกิจวิเคราะห์สถานการณ์การค้าระหว่างประเทศโดยผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้ส่งออกตัวจริงที่ประสบความสำเร็จ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับพวกเราทุกคนต่อไป
และที่สำคัญเป็นพิเศษปีนี้ตนมอบเป็นนโยบายว่าจะนำ Soft Power เป็นคีย์หลักสำหรับการให้องค์ความรู้ ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพความหลากหลายและไม่แพ้ใครในโลก เราจะเป็นมหาอำนาจด้าน Soft Power ได้ไม่ยาก หรือนำความเป็นคนไทยมาขายคือทรัพยากรล้ำค่าที่สุด ที่เป็นพลังหลักของ Soft Power ของประเทศไทยทั้งวันนี้และวันหน้า เพื่อสอดแทรกในภาพยนตร์อนิเมชั่นดิจิทัลคอนเทนท์ เมื่อเรียนจบแล้วหรือระหว่างเรียนจะมีการฝึกงานกับแพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียงระดับโลกเพื่อเป็นช่องทางส่งออกในอนาคต ทั้ง EXIM Bank และ Bitkub ที่กำลังมีชื่อเสียง
หลักสูตรนี้คือความคุ้มค่าที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จะได้ลงนามกับกระทรวงพาณิชย์ในวันนี้ว่าจะเป็นประโยชน์กับพวกเราทั้งสถาบันและน้อง ๆ Gen Z ขอแสดงความยินดีกับน้อง ๆ และในอนาคตเมื่อเรียนเข้าใจทั้งหมดและปฏิบัติได้จริงแล้ว เราจะกลายเป็นแม่ทัพทางเศรษฐกิจทั้งของตนเองครอบครัวและประเทศชาติต่อไป ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จตามที่ฝัน
…….