ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี ร่วมพาชมความสำเร็จ “โคก หนอง นา” ในพื้นที่อำเภอพิบูลมังสาหาร เน้นย้ำมุ่งมั่นขยายผลแปลงพื้นที่ต้นแบบเพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้ น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
วันนี้ (10 มิ.ย. 66) นายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยว่า จังหวัดอุบลราชธานีได้ร่วมลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา” ณ แปลงต้นแบบในพื้นที่อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี โดยมี นางทรงลักษณ์ วรภัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นางสาววิจิตร หลงชิน ผู้อำนวยการกลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาชุมชน รักษาราชการแทนพัฒนาการจังหวัดอุบลราชธานี นายสมมาฏฐ์ โพธิ นายอำเภอพิบูลมังสาหาร พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดอุบลราชธานี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เครือข่ายโคกหนองนา และประชาชน ร่วมลงพื้นที่
นายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนประเทศไทยที่ยั่งยืน (SDGs) ตามประกาศเจตนารมณ์ ภายใต้เเนวคิด “76 จังหวัด 76 คำมั่นสัญญา เพื่อการพัฒนา เพื่อความเท่าเทียม เพื่อความยั่งยืน” ซึ่งหนึ่งในภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ที่มุ่งมั่นในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข คือ การพัฒนาคน ด้วยการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง แนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผ่านการเรียนรู้และปฏิบัติตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา ซึ่งนำไปสู่การใช้ชีวิตแบบ “พึ่งพาตนเอง” ทำให้ประชาชนได้มีชีวิตบนวิถีพอเพียงสามารถพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน เพื่อความอยู่ดีมีสุขของประชาชนอย่างยั่งยืน
“จังหวัดอุบลราชธานี จึงได้ดำเนินการขับเคลื่อนโครงการ “โคก หนอง นา” เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงประยุกต์สู่การปฏิบัติ พัฒนาพื้นที่ให้เป็นศูนย์เรียนรู้ เพื่อขยายผลไปยังทุกอำเภอและทุกพื้นที่ในจังหวัดอุบลราชธานี นำไปสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่น ควบคู่กับการสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างอาชีพ ส่งเสริมให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งการลงพื้นที่ต้นแบบในอำเภอพิบูลมังสาหารในครั้งนี้ ประกอบด้วย แปลงพื้นที่ต้นแบบของนางอุดม ชอบเสียง หมู่ที่ 5 ตำบลระเว (HLM) อำเภอพิบูลมังสาหาร จำนวน 1 ไร่ และแปลงพื้นที่ต้นแบบของนายณัฐวรรธ์ บุญงาม หมู่ที่ 7 ตำบลบ้านแขม อำเภอพิบูลมังสาหาร ซึ่งทั้งสองนอกจากจะเป็นพื้นที่ศูนย์เรียนรู้ต้นแบบตามการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต ตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” แล้วยังมีการส่งเสริมการปลูกหม่อนไหมเป็นต้นแบบของหมู่บ้านอีกด้วย” นายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าว
นายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินงานที่ผ่านมาของอำเภอพิบูลมังสาหาร ยังได้ขยายผลต่อยอดผลิตภัณฑ์ชุมชน ด้วยการพัฒนาภูมิปัญญาของประชาชนในพื้นที่ ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่สามารถค้าขาย สร้างงาน สร้างรายได้ สร้างอาชีพ ทำให้คนในพื้นที่สามารถพึ่งพาตนเองได้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก อาทิ การทำพรมเช็ดเท้าของชมรมผู้สูงอายุ การจักสานสุ่มเลี้ยงไก่ การทอเสื่อของนักเรียนโรงเรียนบ้านแขม และผลิตภัณฑ์ชุมชนอื่น ๆ อีกมากมาย แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ รวมถึงผู้นำท้องถิ่นท้องที่ ที่ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และได้ร่วมกันขับเคลื่อนพันธกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ในการ ”บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ด้วยการมุ่งเน้นการพัฒนาคนเพื่อให้คนไปพัฒนาพื้นที่ ตามหลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
นายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวทิ้งท้ายว่า จังหวัดอุบลราชธานี จะมุ่งมั่นขับเคลื่อนและขยายผลโครงการดังกล่าว เพื่อให้ทุกพื้นที่ในจังหวัดอุบลราชธานี เป็นพื้นที่แห่งความสุขของพี่น้องประชาชน ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืช ผัก ผลไม้ และสมุนไพร ทำให้พื้นที่ชุมชนและสองข้างทางสาธารณะเต็มไปด้วยคลังอาหารและยา ด้วยการสร้างความมั่นคงทางอาหารในทุกครัวเรือน น้อมนำพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตามโครงการ “บ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง” และ “ทางนี้มีผลผู้คนรักกัน” พร้อมถ่ายทอดภูมิปัญญาของชุมชนไปสู่เยาวชนคนรุ่นใหม่ ร่วมกันอนุรักษ์และสานต่อวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม ร่วมกันพัฒนาชุมชนให้เกิดความเข้มแข็ง นำไปสู่การเป็นหมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village) พร้อมด้วยคุณภาพชีวิตของประชาชนที่ดีอย่างยั่งยืน
กองสารนิเทศ สป.มท.
วันที่ 10 มิ.ย. 2566