พ่อเมืองกรุงเก่าได้รับเมตตาจากคณะสงฆ์ ร่วม Kick off “1 คน 1 ต้น เพื่อคนอยุธยา”
วันนี้ (12 พ.ค. 66) เวลา 09.00 น. ที่วัดศักดิ์ ตำบลศาลาลอย อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยนางวัชราภรณ์ รุ่งสาคร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานในพิธีเปิด Kick off โครงการ “1 คน 1 ต้น เพื่อคนอยุธยา” มุ่งขับเคลื่อนบทบาทการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน โดยได้รับเมตตาจาก พระเทพวัชรจริยาจารย์ รองเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าอาวาสวัดกษัตราธิราช เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ โดยมี นายไพรัตน์ เพชรยวน นายธีรศักดิ์ โฉมสิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอทั้ง 16 อำเภอ พร้อมด้วยกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัด ชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้นำท้องที่ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก
นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้รับเมตตาอย่างสูงยิ่งจากท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานฝ่ายสาธารณูปการของมหาเถรสมาคม ในการเดินทางมาปฏิบัติศาสนกิจเป็นนิตย์ ซึ่งทุกครั้งที่เจ้าประคุณสมเด็จได้มาปฏิบัติศาสนกิจก็ได้เมตตาประทานสัมโมทนียกถารวมถึงแนวทางในการส่งเสริมบทบาทของทางราชการในการบูรณาการร่วมกับคณะสงฆ์ผู้ซึ่งเป็นหลักชัยของบ้านเมืองในการนำพุทธศาสนิกชนรวมถึงบูรณาการประสานสัมพันธ์ระหว่างศาสนิกชนต่าง ๆ โดยจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์รวมของพี่น้องประชาชนผู้นับถือศาสนาต่าง ๆ อย่างหลากหลาย แต่ทุกศาสนิกชนก็ต่างมีความสมัครสมานสามัคคี มีความสัมพันธ์ฉันพี่น้อง และร่วมกันในการพัฒนาพื้นที่ของพระนครศรีอยุธยาให้เป็นพื้นที่แห่งความสุขที่ยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอาราม โบสถ์คริสต์ หรือมัสยิด รวมถึงสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ล้วนแต่เป็นพื้นที่แห่งความสุข ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นความมุ่งมั่นตั้งใจของท่านเจ้าประคุณสมเด็จที่ได้เมตตาประทานให้กับชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในการเดินหน้าทำให้ “จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่แห่งความสุขที่ยั่งยืนให้กับพี่น้องประชาชนทุกคนทุกศาสนา”
“จังหวัดพระนครศรีอยุธยาจึงได้ร่วมกันกับภาคีเครือข่ายทั้ง 7 ภาคี อันประกอบด้วย ภาคราชการ ภาคผู้นำศาสนา ภาควิชาการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน และภาคสื่อสารมวลชน จัดทำ “บันทึกข้อตกลงความร่วมมือบทบาทในการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน” เพื่อเชื่อมประสานให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ (United Nations) ทั้ง 17 ข้อ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ไปร่วมลงนามประกาศเจตนารมณ์ ณ องค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย ร่วมกับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด โดยมีท่านสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และ ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย เป็นประธาน พร้อมด้วยคุณกีต้าร์ ซับบระวาล (Mrs.Gita Sabharwal) ผู้ประสานงานองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย เพื่อมุ่งลดความเหลื่อมล้ำ แก้ไขปัญหาความยากจน การส่งเสริมภูมิปัญญาในการเลี้ยงชีพ การเป็นจิตอาสาเพื่อสังคม การเสริมสร้างชุมชนเข้มแข็ง รวมถึงกิจกรรมอันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและช่วยเหลือสังคมให้เกิดความสุข ด้วยการยกเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนข้อที่ 17 การเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาด้วย Partnership เป็นหลักในการหลอมรวมประสานพลังในพื้นที่ทำให้ SDGs อีก 16 ข้อ ประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรม สอดรับกับนโยบายรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทยในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ประชาชน โดยบันทึกข้อตกลงความร่วมมือบทบาทในการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืนนี้ ทำให้ภาคราชการของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้รับความเมตตาจากคณะสงฆ์ นำโดยพระสังฆาธิการเจ้าคณะผู้ปกครอง อาทิ พระธรรมรัตนมงคล เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าอาวาสวัดพนัญเชิง วรวิหาร พระเทพมงคลโสภณ เจ้าคณะภาค 17-18 (ธ) เจ้าอาวาสวัดเสนาสนาราม ราชวรวิหาร พระราชวชิรสารสุธี เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ธ) เจ้าอาวาสวัดนิเวศธรรมประวัติ ราชวรวิหาร เป็นอาทิ เป็นหลักชัยการร่วมผนึกกำลังของผู้นำทุกศาสนิก ตลอดจนภาคีเครือข่ายทุกภาคีเครือข่าย ขับเคลื่อนดูแลสังคม ประชาชนคนไทยให้มีความสุขกาย สุขใจ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต” นายนิวัฒน์ ฯ กล่าวในช่วงต้น
นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวเน้นย้ำว่า ประการสำคัญในการทำให้ชุมชนมีความสุขอย่างยั่งยืนได้นั้น เป็นสิ่งที่ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ตลอดจนนายอำเภอทุกอำเภอ ได้ร่วมประชุมรับมอบนโยบายของกระทรวงมหาดไทย โดยท่านสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมบทบาทการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนในการร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อม และสร้างความสดชื่น สร้างอากาศที่บริสุทธิ์ สร้างคุณค่าทางระบบนิเวศ และโภชนาการที่ยั่งยืนและปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน โดยส่งเสริมให้คนในพื้นที่ได้ร่วมกันปลูกต้นไม้อย่างน้อยครอบครัวละ 1 ต้น และส่งเสริมให้เด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ได้ร่วมกันปลูกต้นไม้อย่างน้อยคนละ 1 ต้น และช่วยกันดูแล ช่วยกันบำรุงรักษา ทำให้กล้าไม้ที่ได้ปลูกนั้นได้เติบโตเติบใหญ่ให้ร่มเงา ให้ออกซิเจน ทำให้อนาคตข้างหน้าคนรุ่นต่อไปได้มีสิ่งที่ดีในชีวิต ดังพระบรมราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” รวมทั้งการน้อมนำแนวพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” รณรงค์ให้ประชาชนปลูกพืชผักสวนครัว เพื่อให้ประชาชนได้มีผักที่ปลอดสารพิษ อาหารปลอดภัย เกิดสุขภาวะที่ดี และเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับครัวเรือน
“จึงเป็นที่มาของการจัดกิจกรรม Kick off โครงการ “1 คน 1 ต้น เพื่อคนอยุธยา” ในครั้งนี้ โดยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้บูรณาการภาคีเครือข่ายระหว่าง คณะสงฆ์ ส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ โดย รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ทุกพื้นที่มีพื้นที่สีเขียวเพิ่มมากขึ้น โดยการมอบต้นไม้ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 158 แห่ง ๆ ละ 1,000 ต้น รวมทั้งหมด 158,000 ต้น ซึ่งได้รับการสนับสนุนต้นกล้าจากศูนย์เพาะชำกล้าไม้ กรมป่าไม้ โดยการ Kick off ในครั้งนี้ เป็นการประกาศจุดยืนของชาวพระนครศรีอยุธยาในการมุ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในพื้นที่ด้วยมือของพวกเราทุกคนที่จะทำให้ทั้งจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นพื้นที่สีเขียว เป็นพื้นที่แห่งความสุขที่ยั่งยืน จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวอยุธยาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปลูกต้นไม้ช่วยลดโลกร้อนไปพร้อมกัน” นายนิวัฒน์ ฯ กล่าว
นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวในช่วงท้ายว่า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความมุ่งมั่นตั้งใจในการขับเคลื่อนสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ที่ยั่งยืนให้กับพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งจะได้ขยายผลอย่างต่อเนื่องด้วยพลังของข้าราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และภาคีเครือข่าย โดยมีพระสงฆ์เป็นหลักชัย อันจะส่งต่อสิ่งดี ๆ เหล่านี้ไปยังทุกหมู่บ้าน/ชุมชน ดังพระปณิธานของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่พระราชทานแนวพระดำริ “หมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village)” ในการทำให้พี่น้องประชาชนทุกครัวเรือนได้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยการปลูกต้นไม้ ปลูกพืชผักสวนครัว พืชสมุนไพร มีการบริหารจัดการขยะ คัดแยกขยะ จัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน ร่วมแรงแข็งขันพัฒนาพื้นที่ ทำกิจกรรมร่วมกัน รักษาสิ่งแวดล้อม สืบสานประเพณี ศิลปะ วัฒนธรรม ของพื้นที่ชุมชน ของทุกศาสนาให้คงอยู่ อันจะทำให้เกิดความรัก ความสามัคคี เกิดพลังที่บริสุทธิ์ ที่แรงกล้า โดยเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างประสานเป็นหนึ่งเดียวแล้ว “หมู่บ้านยั่งยืน” อันเนื่องมาจากพระดำริฯ หนุนเสริมทำให้เป็น “จังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่ยั่งยืน” อันเป็นเป้าหมายที่สำคัญของคนมหาดไทยทุกคน ที่จะสนองพระดำริ ทำให้ประชาชนทุกคนได้มีความสุขอย่างยั่งยืน