“ประชาธิปไตย” กับ “เงิน” อะไรใหญ่กว่ากัน??
ศึกสงครามเลือกตั้งวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566 ครั้งนี้จะมีความร้อนแรงยิ่งกว่าคลื่นความร้อนที่แผ่มาแผดเผาทั่วประเทศไทย
เพราะวันเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งฝ่าความบ้าคลั่งของความร้อนออกไปใช้สิทธิกันแน่นขนัด
ส่งผลให้ “ประชาธิปไตย” ยิ้มแย้มได้หน้าไปด้วย!!
เนื่องจากมีผู้ที่ลงทะเบียนไว้แล้วแห่ไปใช้สิทธิมากถึง 91.37 %!!
มีการคาดหวังกันว่าวันเลือกตั้งจะมีผู้มาใช้สิทธิทะลุ 80 % ขึ้นไปให้ประวัติศาสตร์การเลือกตั้งต้องบันทึกไว้!!
จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่วันที่ 14 นี้รู้แน่!!
ที่รู้แน่ ๆ ก็คือ พรรคขั้วค้านเดิมจะแลนด์สไลด์จริงหรือโม้!!
หรือพรรคซีกรัฐบาลเดิมจะแซงโค้งฉีกหน้าทุกโพลหรือไม่??
ไม่ว่าขั้วไหนรวมกันแล้วได้ ส.ส. เกินครึ่งจากจำนวน 500 คน ย่อมมีสิทธิเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลตามกฎกติกามารยาทประชาธิปไตย
แต่ถ้าทั้ง 2 ขั้วกวาด ส.ส. ไม่ถึงครึ่งของจำนวน ส.ส. ทั้งหมด มี ส.ส. กำกึ่งกัน ก็ต้องมีการใช้วิชาสารพัด ทั้งวิชามาร วิชางู วิชากล้วยเปิดดีลเจรจาลับ ๆ ล่อ ๆ จับมือร่วมกันเป็นรัฐบาลให้สมความปรารถนา!!
ช่วงระยะเวลานี้แหละ ที่นักการเมือง พรรคการเมืองแย่งกันเป็นใหญ่กว่าประชาชนตาดำ ๆ
เพราะต้องการความใหญ่เข้ามาบริหารชาติบ้านเมืองให้โดนใจตัวเอง??
ไม่ว่าขั้วไหนแย่งชิงเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากได้สำเร็จ หน้าตาคณะรัฐบาลต้องดูแล้วดี สร้างความรู้สึกดี ๆ ให้แก่ประชาชน
เมื่อหน้าตาดี หล่อ สวย เท่ ซะอย่าง ภาพลักษณ์ของรัฐบาลก็มีชัยไปกว่าครึ่ง
แต่ถ้ามีหน้าตาอัปลักษณ์เข้าผสมปนเปด้วย ทำให้ปราชัยไปกว่าครึ่งอย่างช่วยไม่ได้!!
เลือกตั้งครั้งใหญ่ปี 66 นี้ เรา ๆ ท่าน ๆ ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองแน่นอน ไม่ว่าขั้วข้างใดมีโอกาสได้เป็นรัฐบาล
ประชาชนก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงมาถึงตัวเอง โดยเฉพาะ “เงิน” ที่จะได้รับเพิ่มเต็มกระเป๋าตามนโยบายหาเสียงของทุกพรรคการเมือง
เพราะตั้งแต่แรกเกิดจนถึงผู้สูงวัยทุกช่วงอายุจนถึงวายชีวาวาตม์จะได้ “เงิน” มากกว่าเดิม!!
นอกจากนี้ “เงิน” แทรกเข้ามาใหญ่ระหว่างช่วงโค้งสุดท้ายการหาเสียงเลือกตั้งอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ
การร้องเรียนใช้ “เงิน” ซื้อสิทธิขายเสียงของแต่ละพรรคการเมือง และผู้สมัคร ส.ส. ทุกขั้วที่ร้องไปถึง กกต. จึงอีรุงตุงนังมั่วกันสนุก!!
ด้วยเหตุฉะนี้ “เงิน” จึงใหญ่กว่า “ประชาธิปไตย” ด้วยความเป็นจริงทางการเมืองที่มิอาจปฏิเสธได้!?!
ดังนั้นทุกรัฐบาลที่เข้ามาบริหารชาติบ้านเมืองตามกติกาประชาธิปไตยต้องทำใจ “ใหญ่” คิดค้นหานโยบายแจก “เงิน” ให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิมสุด ๆ เกทับบลัฟแหลกกันไปเลย!!
ถูกต้องที่สุดที่กูรู้ด้านการปกครองของโลกที่ได้กล่าวเป็นอมตะเอาไว้ว่า “ประชาธิปไตย” คือการปกครองที่เลวน้อยที่สุด!!
“เงิน” กับ “ประชาธิปไตย” จึงตัดกันไม่ขาดต้องไปด้วยกัน??
เอวัง ด้วยประการฉะนี้แล สาธุชนทั้งหลาย!!
นายจักรยาน