รัสเซีย ในบางแง่มุม

ไปเยี่ยมบ้านรัสปูติน

เพื่อคลายเครียดกับข่าวเรื่องโรคโควิด 19 ประกอบกับระยะนี้บ้านเรามีข่าวนักบวชนอกรีดเป็นข่าวแซมอยู่เป็นระยะ เดี๋ยวมีพระสอนเรื่องวิธีเสพกามดำน้ำแล้วพ้นทุกข์บ้าง เดี๋ยวมีข่าวพระทำเครื่องกิโยตินตัดคอตัวเองบ้างทำให้นึกถึงเรื่องรัสปูตินนักบวชนอกรีตของศาสนาคริสต์ผู้มีส่วนทำให้สถาบันกษัตริย์ราชวงศ์โรมานอฟของรัสเซียที่มีอายุยืนกว่า 300 ปีต้องล่มสลายลงในที่สุด อ่านกันเล่น ๆ คลายเครียดครับ

ผมสนใจเรื่องรัสปูตินนักบวชกาลีของรัสเซีย อ่านหนังสือรัสปูตินหลายเล่ม เมื่อมีโอกาศไปรัสเซียได้ขอร้องให้ไกด์พาไปดูวิหารของรัสปูตินในกรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ค (ภาพตึกสีดำที่มีประตูเป็นรูปโค้งคือที่พักรัสปูติน) ผู้นำไปดูเป็นฝรั่งหนุ่มชื่อโวโลเยียและได้ดูแม่น้ำเนวาสถานที่ทิ้งศพของรัสปูตินในโอกาสนั้นด้วย (ภาพแม่น้ำเนวาและพระราชวังฤดูหนาวถ่ายด้วยเลนส์ฟิตอายส์ดูโค้งผิดธรรมชาติไปเล็กน้อย)

เรื่องรัสปูตินเป็นเรื่องยาว ยากที่จะสรูปเป็นบทความสั้น ๆ ได้ มีหนังสือมากมายเกี่ยวกับรัสปูติน นับตั้งแต่หนังสือการ์ตูน สารคดี วิชาการทางประวัติศาสตร์ ภาพยนตร์ ละครแม้กระทั้งเพลงฮิตติดอันดับโลก ชื่อเพลงรัสปูติน มีหนังสือแปลหลายสำนวนที่เป็นภาษาไทย มีพิมพ์จำหน่ายทุกยุคทุกสมัย ปัจจุบันง่ายที่สุดเปิดดูในอินเตอร์เน็ตในกูเกิ้ลในยูทูบมีให้อ่านมากมาย มีภาพประกอบด้วย เรื่องย่อ ๆ มีว่า เดิมเขาชื่อแกรกกอรี่ นอร์วิช เป็นคนเกิดในไซบีเรียถิ่นทุรกันดารแร้นแค้นของรัสเซีย เป็นคนขโมยม้า ถูกขับไล่ร่อนเร่พเนจรไปเป็นนักบวชในศาสนาคริสต์และตั้งลัทธิของตัวเองขึ้นมีการร่วมเพศกับผู้หญิงเพื่อการไถ่บาปและอ้างอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เหมือนนักบวชลวงโลกในบางศาสนาที่นิยมทำกัน กล่าวกันว่าเขามีความสามารถในการสะกดจิตรักษาโรคได้ เมื่อข่าวลือแพร่หลายเข้าไปในราชสำนัก ทำให้มีการเชิญตัวเข้าไปรักษามกุฏราชกุมารอเล็กซิส ซึ่งป่วยเป็นโรคคีโมฟีเลีย โรคเลือดออกไม่หยุดหรือโลหิตไม่แข็งตัวพลังของความศรัทธาความเชื่อทำให้ได้ผลในบางระยะ พอเป็นขึ้นมาก็ถูกตามตัวให้เข้าวัง ในที่สุดได้เข้าพักในวังอย่างถาวร (มีที่พักตามภาพประกอบ)

ในยุคนั้นรัสเซียปกครองโดยพระเจ้าซาร์นิโคลาสที่ 2 (องค์เดียวกับที่เคยเสด็จมาไทยในสมัย ร.5) พระองค์มีพระชายาเป็นเจ้าหญิงเยอรมันพระนามซาริน่า มีพระธิดา 4 พระองค์ พระโอรส 1 พระองค์ คืออเล็กซิสที่กล่าวแล้ว ยุคสมัยของพระเจ้าซาร์นิโคลาสที่ 2 รัสเซียต้องทำศึกกับเยอรมัน พระองค์ต้องเสด็จไปในราชการสงคราม อยู่ด้านหลังรัสปูตินก็ตั้งสำนักทำพิธีไถ่บาปกับสุภาพสตรีชั้นสูงในราชสำนักเป็นที่นิยมชมชอบของภรรยานายทหารและผู้หญิงชั้นสูงทั้วไป ร่ำลือกันว่าพระราชินีและพระราชธิดาของพระเจ้าซาร์ก็ได้เข้าพิธีไถ่บาปลามกนั้นด้วย เมื่อปฏิวัติล้มเจ้าของรัสเซียลงได้ก็ได้พบจดหมายที่พระราชินีซารินาพรรณาถึงความวิเศษของพิธีไถ่บาปนั้นด้วย อีกทั้งมีพยานบุคคลจากนางสนองพระโอษฐ์ที่ได้รู้เห็นพฤติกรรมนั้น ๆ รวมทั้งพระราชธิดาโอลก้าปรากฎเป็นหลักฐานอย่างปฏิเสธไม่ได้

ความฟอนเฟะในราชสำนักที่หมกมุ่นแต่เรื่องกามราคะ ก็เป็นส่วนหนึ่งให้มีการล้มเจ้าได้สำเร็จ พระเจ้าซาร์ พระราชินี พระโอรส พระราชธิดา ถูกจับส่งไปไซบีเรียในฐานะนักโทษ ทั้งหมดถูกยิงทิ้งในห้องใต้ดินอย่างหฤโหด ส่วนรัสปูตินถูกเจ้าชายยูสซูบ๊อฟฆ่าตายจับไปถ่วงน้ำในแม่น้ำเนวา(ตามภาพ)ก่อนหน้าที่คณะบอลเชวิค นำโดยวลาดิมีร์เลนินปฏิวัติสำเร็จไม่นานนัก จากนั้นรัสเซียก็ปกครองโดยระบอบคอมมูนิสต์ คำกล่าวว่า “ศาสนาคือยาเสพติด”ก็มีมาตั้งบัดนั้น ซึ่งมันเป็นลัทธิศาสนาที่แปลกปลอมก็คงทำให้เสพติดได้

ในเรื่องรัสปูตินนี้ เป็นอุทาหรณ์น่าคิดสำหรับคนที่นับถือศาสนาในแง่ความขลัง ความศักดิ์อภินิหารนอกเหนือธรรมชาติ พวกนักบวชที่ไม่ศึกษาเล่าเรียน อ้างตัวมีฤทธิ์มีเดชหยั่งรู้ดินฟ้ามหาสมุทรแบบรัสปูตินมีทั่วไป ไม่ควรจะส่งเสริม อย่างบ้านเรามีนักบวชสีรุ้งสอนวิธีเสพกามที่เพิ่งจับสึกไป รวมทั้งอรหันต์ปลอมอรหันต์ขี้ยาอีกมากมาย ถ้าศึกษาหลักธรรมคำสั่งสอนให้ถ่องแท้แล้ว เรื่องเณรแอ ยันตระ ภาวนาพุทโธ จะมาคุยโว อวดอ้างอภินิหาร เราก็จะไม่เชื่อ

ลองหาหนังสือเรื่องรัสปูตินมาอ่านซิครับได้ความรู้ประวัติศาสตร์เป็นเรื่องสนุก เศร้า และเพลิดเพลินมากทีเดียว

อรุณ เวชสุวรรณ