ปมแก๊งตู้ห่าว วัชระ ถาม-มท.ตอบ! ยันการอนุมัติสัญชาติให้ต่างด้าวรัดกุมโปร่งใสตรวจสอบได้
(30 มี.ค.66) นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า นายสุทธิพงศ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้มีหนังสือชี้แจงตอบกลับมาที่ตน หลังจากได้ยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2565 และยื่นถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2565 สอบถามและขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงการอนุมัติสัญชาติไทยให้บุคคลต่างด้าว ซึ่งเป็นผลจากคดีนายหาวเจ๋อ ตู้ กับพวกคนจีน (จีนสีเทา) มาก่อคดีอาญาร้ายแรงทั้งเรื่องยาเสพติด และบ่อนการพนันผิดกฎหมาย โดยเป็นผู้ที่แปลง สัญชาติ โดยขอให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการอนุมัติสัญชาติไทยให้บุคคลต่างด้าวนั้น
ปลัดกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงว่า
– การอนุมัติให้สัญชาติไทยแก่บุคคลต่างด้าวตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 ถึงปัจจุบันจำนวนรวมทั้งสิ้น 4,960 ราย ในจำนวนนี้มีจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมากที่สุดจำนวน 1,221 ราย และไต้หวันจำนวน 1,155 ราย
– กระทรวงมหาดไทยมีการติดตามพฤติกรรมผู้ได้สัญชาติไทยหรือไม่ เมื่อบุคคลได้รับอนุมัติให้แปลงสัญชาติเป็นไทยแล้ว ย่อมได้รับความคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กระทำการใด ๆ อันเป็นการกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงหรือขัดต่อประโยชน์ของรัฐ จะมีหน่วยงานที่รับผิดชอบ ในการติดตามตรวจสอบ พฤติกรรมและดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อยู่แล้ว หากปรากฏว่ามีการกระทำความผิดที่ชัดแจ้ง กระทรวงมหาดไทยจะได้ถอนสัญชาติไทยแก่ผู้ได้สัญชาติไทยต่อไป
– ต้องมีการจ่ายเงินจำนวนมากในการโอนมาเป็นสัญชาติไทยจริงหรือไม่นั้น ขั้นตอนของการแปลงสัญชาติมีขั้นตอนการตรวจสอบหลายขั้นตอน และมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ การพิจารณาคุณสมบัติของผู้ยื่นคำขอแปลงสัญชาติไทยดำเนินการในรูปของคณะอนุกรรมการ/คณะกรรมการ ซึ่งมีองค์ประกอบจากหลายภาคส่วน มีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน และการใช้ดุลพินิจเป็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย การอนุมัติให้แปลงสัญชาติเป็นไทยของคนต่างด้าว ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบหลายขั้นตอน จึงยากต่อการแสวงหาผลประโยชน์ในการดำเนินการดังกล่าว
– กระทรวงมหาดไทย มีมาตรการป้องกันไม่ให้อาชญากรจากต่างประเทศโอนเป็นสัญชาติไทย โดยมีการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม พฤติการณ์ทางการเมือง ยาเสพติด พฤติการณ์เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ และผ่านการสัมภาษณ์เพื่อสอบถาม เจตนารมณ์ และสังเกตพฤติการณ์ของคู่สมรส
– กรณีสวมบัตรประชาชนคนไทยที่เสียชีวิตไปแล้ว จะตรวจสอบทั้งประเทศอย่างไร เมื่อใด กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้ตรวจสอบและปรับปรุงรายการของบุคคล ในฐานข้อมูลการทะเบียนราษฎร เพื่อป้องกันการสวมรายการบุคคลที่เสียชีวิตไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 โดยแจ้งให้จังหวัดทุกจังหวัดและกรุงเทพมหานคร ถือปฏิบัติตามแนวทางการดำเนินการ กรณีมีการทุจริตทางทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน โดยหากตรวจพบหลักฐานหรือได้รับแจ้งเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตทางทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน ให้เพิกถอนหลักฐานเอกสารที่มีการดำเนินการโดยมิชอบ รวมทั้งคืนสถานะทางทะเบียนให้แก่เจ้าของรายการที่แท้จริง และให้ดำเนินคดีอาญาโดยร้องทุกข์ หรือกล่าวโทษกับบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อพนักงานสอบสวน กรณีปรากฏข้อเท็จจริงว่าเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัยกับเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกระดับ และพิจารณาโทษสถานหนักตามควรแก่กรณี หากพบว่าผู้บังคับบัญชามีการปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริต หรือดำเนินการแก้ไขปัญหาล่าช้าจนเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ราชการหรือประชาชน ให้ถือเป็นความผิดวินัยหรือความผิดอาญา กรณีผลตรวจสอบเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีส่วนรู้เห็น หรือมีการกระทำผิดเป็นขบวนการและมีจำนวนมากผิดปกติ ให้กรมการปกครองรวบรวมหลักฐานส่งให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือสำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
– ปัจจุบันมีคนสัญชาติจีนรออนุมัติเป็นบุคคลสัญชาติไทยอีกจำนวนเท่าใด และจะอนุมัติหรือไม่ อย่างไร ขณะนี้มีคำร้องขอแปลงสัญชาติเป็นไทย และคำขอถือสัญชาติไทยตามสามีให้แก่คนสัญชาติจีนอยู่ระหว่างรอนำเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการขอแปลงสัญชาติเป็นไทย การขอถือสัญชาติไทยตามสามี และการขอกลับคืนสัญชาติไทย และคณะกรรมการกลั่นกรองเกี่ยวกับสัญชาติ เพื่อพิจารณาเสนอแนะ และให้ความเห็นประกอบการใช้ดุลพินิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีจำนวนทั้งสิ้น 439ราย แยกเป็นสาธารณรัฐประชาชนจีน 142 รายและไต้หวันจำนวน 297 ราย