เส้นทางการเมืองของ..
“ชวน หลีกภัย”
ใจมั่นคง บนใบมีด “คมกริบ ! “
ใครคนหนึ่งรำพึงเปรียบเปรยไว้.. “มือที่ไม่มั่นคง ย่อมเป็นอันตราย ต่อการใช้มีดโกนที่คมกริบ แต่มือที่ไม่มั่นคง ยังน่ากลัวน้อยกว่า ใจที่ไม่มั่นคง” !
ตั้งแต่ พศ. 2512 บนถนนการเมือง ของนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัย ผ่านร้อนผ่านหนาว บนตำแหน่งเสนาบดี หลายกระทรวง ได้รับการยกย่อง เป็นนักประชาธิปไตย ที่เชื่อมั่นในระบบรัฐสภา มาตลอด คนในสังคมชื่นชมว่า “ชวน หลีกภัย” เป็นคนซื่อสัตย์ มือสะอาด ไม่โกงไม่กิน เป็นอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ มีวิถีชีวิตตามแบบฉบับ ลูกชาวบ้านสามัญชน คนธรรมดา จากจังหวัดตรัง
“ชวน หลีกภัย” อดีตนายกฯ ผู้มีวาทะ คารมคมคายเชือดเฉือนจิตใจคู่ต่อสู้ เมื่อยามเผชิญหน้าบนสมรภูมิ “การเมือง” วันนี้หวนกลับ มานั่งบนเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฏร อีกครั้งหนึ่ง จากที่เป็นประธานสภาฯ ครั้งแรก เมื่อปี 2529 ห่างจากครั้งนี้ถึง 33 ปี
เป็นนายกรัฐมนตรี ถึง 2 ครั้ง ตั้งแต่ปี พศ. 2535-2538 ครั้งที่ 2 ปี พศ. 2540-2544
คำคม หรือ “วาทะเด็ด” ของนายชวน หลีกภัย ที่โดดเด่น คงจำกันได้เช่น “เราไม่อาจทำให้ทุกคนรํ่ารวย เท่าเทียมกันได้ แต่เราสามารถทำให้ ทุกคนอยู่ภายใต้กฏหมายเดียวกันได้”
นายชวนกล่าวว่า หลายคนไม่ชอบการยึดอำนาจของทหาร ในการยึดอำนาจแต่ละครั้ง มักบอกเหตุผลหนึ่งของการยึดอำนาจคือ นักการเมือง และ รัฐบาลคอร์รัปชั่น พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคเดียว ที่เป็นรัฐบาลแล้ว ไม่มีการยึดอำนาจ เพราะไม่สร้างเงื่อนไข ในการยึดอำนาจ เนื่องจากไม่โกง ฯลฯ
ปี พศ. 2544 การเลือกตั้งทั่วไปครั้งนั้น “พรรคไทยรักไทย” ได้รับการเลือกตั้ง อย่างทะลุทะลวง พรรคประชาธิปัตย์ พ่ายแพ้ และต้องเป็นฝ่ายค้าน
ตำนานพรรคประชาธิปัตย์ มีมายาวนาน จึงมีนํ้าแยกสาย ไผ่แยกกอ มาตลอด และไม่ใช่ครั้งแรกที่ “ปชป.” สูญเสียที่นั่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในอดีตเคยเหลือคนเดียวโด่เด่ ก็กลับมากวาดที่นั่งได้อีก อาศัยความเก๋าเกมส์ และความเป็นสถาบันการเมืองสูง จัดระบบให้มีระเบียบ จึงดูมีความมั่นคง พร้อมที่ปั้นจัดแถวนักการเมืองหน้าใหม่ แทนคนรุ่นเก่า หรือ “กลุ่มอำนาจเดิมได้ “
แต่วันนี้ “พรรคประชาธิปัตย์” ในกรุงเทพมหานคร ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว ! “
พรรคประชาธิปัตย์ยุค นายชวน หลีกภัย เผชิญวิกฤติ นับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็พ้นสถานการณ์เลวร้ายมาได้ หลายครั้ง เขานำพารัฐนาวา และพรรคประชาธิปัตย์ ผ่านร้อน ผ่านหนาว อย่างทุลักทุเล เมื่อเกิดเหตุการณ์ “สปก. 4-01” อื้อฉาวขึ้น และรัฐบาลได้ยุติบทบาทลง
การก้าวมาเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 “นายชวน” ได้นำ “หลักการ” ตีกรอบ ครอบคลุมไว้ แต่ทีมบริหาร เศรษฐกิจ กลับแตกแยก จนรัฐบาล ต้องลาออกในเวลาไล่เลี่ยกัน และมีการปรับคณะรัฐบาล เป็นระยะ
นับว่ารัฐบาลชวน 2 ค่อนข้างโชคดี อย่างเหลือเชื่อ ที่ผ่านพ้นวิกฤติ นานัปการ ยืนยงคงกระพัน ลากยาวได้ถึง 3 ปี กว่า !
ทิศทางของ “ชวน หลีกภัย” มีที่มาลากยาวอย่างยิ่ง เขียนอีกหลายเล่มสมุดไทยก็ไม่จบสิ้น กระทั่งการก้าวมา เป็นประธานรัฐสภา รอบสองในวันนี้
นายชวนเริ่มต้นชีวิตการทำงาน จากการเป็นทนายความ และต่อมาเป็น สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ และเป็น หน.พรรคนานถึง 12 ปี ตั้งแต่ปี 2534-2546 ขณะเดียวกัน เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการมาหลายกระทรวง ทั้งกระทรวงยุติธรรม, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงเกษตรฯ, กระทรวงศึกษาธิการ, กระทรวงสาธารณสุข ฯลฯ ประธานสภาผู้แทนราษฏร และผู้นำฝ่ายค้าน ในสภาผู้แทนราษฏร
นายชวน ยังมีความรู้ความสามารถด้านศิลปะ ในยามว่าง หรือเมื่อเดินทางไปที่ต่าง ๆ มักเขียนภาพลายเส้น ภาพบุคคล ทิวทัศน์ และมีงานประพันธ์ เช่นหนังสือ “เย็นลมป่า” ที่โด่งดัง