สืบสวนนครบาลบุกจับ “จีมินช็อง” โอปป้าเก๊หนีคดียาเสพติด face off จากไทยบ้านสู่โอปป้า
พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. / ผอ.ศอ.ปส.ตร. (ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ศอ.ปส.ตร. ร่วมกับ สืบสวนนครบาล แกะรอยก่อนจับกุมตัว นายจีมิน-ซ็อง เกาหลีเก๊ซึ่งแท้จริงเป็นคนสัญชาติไทย ทำศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงใบหน้า Face off ไม่เหลือเค้าโครงเดิม เพื่ออำพรางการติดตามจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยก่อนถูกจับตัวได้ก่อวีรกรรมสุดแสบซึ่งเป็น “ต้นตอ” ที่สำคัญในการแพร่ระบาดของยาเสพติดชนิด ยาอี หรือ ยาเลิฟ (MDMA) ในพื้นที่ กรุงเทพฯ และ ปริมณฑล หลบหนีไร้ร่องรอยมาเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน
ล่าสุด พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ในฐานะหัวหน้า ศอ.ปส.ตร. ชุดปฏิบัติการที่ 5 ใช้มุขคลาสสิคส่งสารวัตรมือดี “แฝงตัว” จนสามารถจับกุมตัวได้ในห้องพักคอนโดชื่อดังย่านเขตบางนา กรุงเทพฯ สุดท้าย นายจีมิน-ซ็อง รับสารภาพว่ามีคอนเนคชั่นทั่วโลก สั่งจากดาร์กเว็บ โอนจ่ายด้วยบิทคอยน์ แต่ที่เกมเพราะลูกน้องทำผิดแผน
วันที่ 23 ก.พ.66 เวลาประมาณ 15.16 น. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. / ผอ.ศอ.ปส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.ศอ.ปส.ตร.ชุดที่ 5, พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง, พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.ธัญญพัทธ์ บุญสุข ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว สว.กก.สส.2 บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.น.4, ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา, ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพ, ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น, ส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย ร่วมกับชุด ศอ.ปส.ตร. และ ชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.) นำกำลังสืบสวนติดตามจับกุมตัว
นายจีมิน-ซ็อง ชื่อเดิม นายสหรัฐ สว่างแจ้ง อายุ 25 ปี สัญชาติไทย อยู่บ้านเลขที่ 134/8 ตรอกวัดอัมพวา แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ตามหมายจับศาลอาญาที่ 626/2565 ลงวันที่ 2 ธ.ค.65 โดยกล่าวว่า “ร่วมกันนำเข้ายาเสพติดให้โทษประเภท 1 (MDMA) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (MDMA) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และ ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป และ สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน” โดยจับกุมได้ที่ห้องพักในคอนโดชื่อดังแห่งหนึ่ง ในพื้นที่เขตบางนา กรุงเทพฯ ตรวจยึดของกลางโทรศัพท์ 2 เครื่อง ซึ่งใช้ในการติดต่อสั่งนำเข้ายาเสพติดจากต่างประเทศ และตรวจยึดทรัพย์สินอีก จำนวน 22 รายการ
พฤติการณ์กล่าวคือ สืบเนื่องจากชุดวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. ได้วิเคราะห์สถิติการจับกุมพบว่ามีการแพร่ระบาดหนักของกลุ่มยาเสพติดชนิด ยาอี หรือ ยาเลิฟ (MDMA) ต่อมาได้ประสานงานรวบรวมข้อมูลกับ บก.สส.บช.น. วิเคราะห์แกะรอยจากข้อมูลคดีการจับกุมยาเสพติดในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ จนได้พบเบาะแสแหล่งที่มา จึงให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. นำกำลังชุดสืบสวนลงพื้นที่จนกระทั่งได้เบาะแสว่าแหล่งที่มาของยาเสพติดดังกล่าวคือ “หนุ่มเกาหลี” รูปหล่อรายหนึ่งซึ่งอยู่ในพื้นที่ย่านเขตบางนา กรุงเทพฯ ซึ่งมีพฤติกรรมจะสั่งนำเข้ายาเสพติดชนิด ยาอี หรือ ยาเลิฟ (MDMA) โดยสั่งนำเข้ามาทางพัสดุไปรษณีย์ทางอากาศ จากประเทศแถบทวีปยุโรป โดยทำมาอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง โดยมักใช้บุคคลที่ตนเองรู้จักผ่านทางเฟซบุ๊กให้คอยรับส่งพัสดุยาเสพติดดังกล่าวให้ โดยที่ตนเองไม่ต้องสัมผัสกับยาเสพติดโดยตรง ซึ่งต่อมา พล.ต.ต.ธีรเดชฯ สืบสวนจนกระทั่งสามารถยืนยันตัวตนของหนุ่มเกาหลีรายนี้ได้ คือ นายจีมิน-ซ็อง ซึ่งแท้จริงเป็นคนสัญชาติไทย แต่จงใจเปลี่ยนชื่อให้เหมือนคนเกาหลี โดยมีชื่อเดิมว่า นายสหรัฐ สว่างแจ้ง อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 134/8 ตรอกวัดอัมพวา แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย จ.กรุงเทพ อีกทั้ง นายจีมิน-ซ็อง ยังได้เปลี่ยนแปลงใบหน้าด้วยการศัลยกรรมไปจนกลายเป็นคนละคน ไม่เหลือเค้าโครงเดิม (Face off)
จากการตรวจสอบพบว่า นายจีมิน-ซ็อง เป็นบุคคลตามหมายจับ ซึ่งเคยถูกพนักงานสอบสวน บช.ปส. ออกหมายจับไว้ตามหมายจับศาลอาญาที่ 626/2565 ลงวันที่ 2 ธ.ค.65 ในคดีที่เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรได้ตรวจพบยาเสพติดยาอี หรือ ยาเลิฟ (MDMA) แบบผลึกสีขาวขุ่น น้ำหนัก 2,575 กรัม และ แบบเม็ดยาจำนวน 290 เม็ด ที่แอบบรรจุมาในพัสดุ “กล่องจิ๊กซอว์” เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 65 ซึ่งมีแผนประทุษกรรมเดียวกัน จากความไม่ธรรมดาของ นายจีมิน-ซ็อง เจ้าหน้าที่ได้ใช้เวลาสืบสวนติดตามมาเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน แต่ยังไร้ร่องรอย จนกระทั่ง พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว สว.กก.สส.2 บก.สส.บช.น. ได้ใช้อุบายเสนอตัวผ่านทางเฟซบุ๊กเพื่อสมัครเป็น “เป็นเด็กส่งของ” ให้กับ นายจีมิน-ซ็อง จนสามารถสืบทราบได้ว่า นายจีมิน-ซ็อง พักอยู่ที่คอนโดหรูแห่งหนึ่งในพื้นที่เขตบางนา ซึ่งต่อมาวันที่ 23 ก.พ.66 เวลา 15.16 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. และ ศอ.ปส.ตร. ชุดที่ 5 นำหมายค้นของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ ค.29/2566 ลงวันที่ 23 ก.พ.66 เข้าตรวจค้นห้องพักในคอนโดชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่เขตบางนา ผลการตรวจค้นได้พบตัว นายจีมิน-ซ็อง อยู่ในห้องพัก จึงได้ทำการจับกุมตัวตามหมายจับ และตรวจยึดของกลางโทรศัพท์ 2 เครื่อง ซึ่งใช้ในการติดต่อสั่งนำเข้ายาเสพติดจากต่างประเทศ และตรวจยึดทรัพย์สินอีก จำนวน 22 รายการ
ในชั้นจับกุม นายจีมิน-ซ็อง ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองบ้านเดิมอยู่ย่านบางกอกน้อย โดยรับว่าที่ตนเองเปลี่ยนมาเป็นชื่อภาษาเกาหลีเพราะอยากย้ายไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ประเทศเกาหลีใต้ เนื่องจากเบื่อหน่ายชีวิตในประเทศไทย ซึ่งตนเองสามารถพูดภาษาเกาหลีได้เพียงเล็กน้อย และยังออกเสียงไม่ได้ และได้ยอมรับว่ามารดาของตนนั้น เคยถูกดำเนินคดีจำหน่ายยาเสพติดชนิด “ยาเสียสาว” จำนวนกว่า 200,000 เม็ด โดยนำเข้ามาจากประเทศปากีสถาน เมื่อปี 2554 ซึ่งปัจจุบันมารดาได้พ้นโทษออกมาแล้ว และย้ายไปอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส และได้ยอมรับว่าตนเริ่มเข้าวงการจำหน่ายยาเสพติด จากการเข้าไปศึกษาในดาร์คเว็บและแชทพูดคุยกับคนในดาร์คเว็บ โดยไม่รู้จักชื่อและตัวตนจริง ผ่านทางหลายเว็บไซต์ ซึ่งได้รับว่าตนเองมีคอนเนคชั่นนำเข้ายา MD หรือยาอี จากทั่วโลก โดยจะนำเข้ามาในรูปแบบการส่งเป็นพัสดุเข้ามาตามปกติ และอ้างว่าตนเองสามารถเล่นแร่แปลธาตุแปลงยาได้ ซึ่งการซื้อขายยาเสพติดจากดาร์กเว็บที่ตนใช้ประสานงานนั้น จะซื้อขายจ่ายเงิน ผ่านทางคริปโตเคอเรนซี่และได้ยอมรับว่า ล่าสุดตนเองได้สั่งยาอีที่กำลังจะเข้ามาในไทย อีกจำนวนครึ่งกิโลกรัมและ 30 กิโลกรัม แต่มาถูกจับกุมเสียก่อน และยอมรับว่ารู้ตัวว่าตนเองมีหมายจับ แต่เข้าใจว่าอาจเป็นคดีอื่น โดยในคดีนี้ที่ถูกออกหมายจับเพราะว่า ทำพลาดจนถูกศุลกากรตรวจพบยาอีที่ส่งพัสดุเข้ามาจำนวน 2.5 กิโลกรัม เพราะลูกน้องไม่ได้ทำตามแผนที่ตนสั่งการไว้” โดยหลังเสร็จสิ้นการจับกุมได้นำตัว นายจีมิน-ซ็อง ส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.1 บช.ปส. เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “จากข้อมูลของนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. วิเคราะห์ว่าคนร้ายรายนี้เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในต้นตอสำคัญ ของการแพร่ระบาดของ ยาอีและยาเลิฟ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และ ปริมณฑล และเราสืบสวนติดตามตัวมาเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน ทำให้ทราบว่าคนร้ายรายนี้รู้จักวิธีการตัดช่องทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี และมีการศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงใบหน้า เพื่ออำพรางการติดตามจากเจ้าหน้าที่ และด้วยคนร้ายรายนี้มีอายุเพียง 25 ปี แต่สามารถเป็นระดับหัวของการนำเข้ายาเสพติดจากทางยุโรปได้ น่าเชื่อว่าจะมีผู้ที่คอยให้การสนับสนุนอยู่ในต่างแดน ซึ่งเราจะมีการขยายผลให้ถึงที่สุด เพราะปัญหายาเสพติด เป็นปัญหาระดับชาติ เป็นปัญหาเรื้อรังที่หยั่งรากลึกอยู่ในสังคมไทย ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามปัญหายาเสพติดเป็นอันดับหนึ่งมาโดยตลอด และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบนโยบายในการแก้ปัญหายาเสพติดโดยทำสงครามกับยาเสพติด จึงขอเตือนไปยังเหล่าผู้ค้ายาเสพติดทั้งหลายว่า หากยังยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดไม่ว่าอย่างไรก็ต้องถูกจับกุม และชีวิตพวกมันต้องไม่มีความสุข”
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน