โดนแล้ว! คดีสำเเดงราคานำเข้า ‘ลัมโบร์กินี’ แค่คันละ 2.5 ล้าน ศาลปรับ 65.4 ล้าน สั่ง กักขัง 1 – 2 ปี พร้อมริบรถยนต์ของกลาง รอด 1 รายอ้างเป็นพนักงานล้างรถ
เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2565 ศาลอาญามีคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ อ3212/2565 ระหว่าง พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด โจทก์ บริษัท จูบิลี่ไลน์ จำกัด จำเลยที่ 1 นางผ่องศรี สุทธิรัตน์เสรีกุล ที่ 2 บริษัท เบนซ์นครินทร์ ออโต้ กรุ๊ป จำกัด ที่ 3 นายศักษ์ทวี ใจงาม ที่ 4 เรื่องความผิดต่อพระราชบัญญัติศุลกากร กรณีร่วมกันนำเข้ารถยนต์ยี่ห้อลัมโบร์กินี่ (LAMBORGHINI) รุ่น กัลลาร์โด คูเป้ (GALLADO COUPE) หมายเลขตัวรถ ZHWGE 12 T 36 LA 03330 หมายเลขเครื่องยนต์ 07 LA03611 มีถิ่นกำเนิดในประเทศอิตาลีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยร่วมกันสำแดงข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรเพื่อผ่านด่านพิธีการศุลกากร
โดยร่วมกันสำแดงราคาซื้อขายรถยนต์ดังกล่าวราคา 68,000 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทย 2,583,936.07 บาท ซึ่งไม่ตรงตามราคาซื้อขายที่แท้จริง เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรรับราคาดังกล่าวเป็นราคาศุลกากร และคำนวณภาษีอากรขาเข้า 2,067,148 บาท ภาษี สรรพสามิต 5,167,873 บาท ภาษีเพื่อมหาดไทย 516,788 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่ม 723,503 บาท รวมเป็นเงิน 8,475,312 บาท
แต่รถยนต์คันดังกล่าวมีราคาซื้อขายตามบัญชีราคาสินค้าที่บริษัท ลัมโบร์กินี เอส.พี.เอ. (Automobill Lamborghini S.p.A) ประเทศอิตาลี ขายให้จำเลยที่ 3 ผู้รับซื้อเป็นเงิน 161,999 ยูโร คิดเป็นเงินไทย 7,572,384.06 บาท หากคำนวณภาษีอากรตามราคาซื้อขายที่แท้จริง ต้องชำระอากรขาเข้า 6,057,907 บาท ภาษีสรรพสามิต 15,144,767.69 บาท ภาษีเพื่อมหาดไทย 1,514,476.77 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่ม 2,120,267.49 บาท รวมเป็นเงิน 24,837,418.95 บาท
เป็นเหตุให้อากรขาเข้าขาด 3,990,759 บาท ภาษีสรรพสามิตขาด 9,976,894.69 บาท ภาษีเพื่อมหาดไทยขาด 997,688.77 บาท ภาษีมูลค่าเพิ่มขาด 1,396,764.49 บาท รวมเป็นเงิน 16,362,106.95 บาท
พิพากษาว่า จําเลยที่ 1 และที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 243 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จําเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 243, 253 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทําของจําเลยที่ 2 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมาย หลายบท แต่ละบทมีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 243 ประกอบประมวลกฎหมายกฎหมายอาญา มาตรา 83 แต่เพียงกระทงเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ปรับจําเลยที่ 1 ถึงที่ 3 รวมกันเป็นเงิน 65,448,427.80 บาท
ทางนําสืบของจําเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จําเลยที่ 2 หนึ่งในสาม ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 78 จําเลยที่ 2 คงต้องรับผิดร่วมกับจําเลยที่ 1 และที่ 3 เป็นเงิน 43,632,285.20 บาท หากจําเลยที่ 1 และที่ 3 ไม่ชําระค่าปรับให้จัดการตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 29 หากจําเลยที่ 2 ไม่ชําระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 29, 30 โดยให้กักขังจําเลยที่ 2 ได้เกินกว่าหนึ่งปีแต่ไม่เกินสองปี
ริบรถยนต์ ยี่ห้อ ลัมโบร์กินี่ (LAMBORGHINI) รุ่นกัลลาร์โด คูเป้ (GALLARDO COUPE) หมายเลขตัวรถ ZHWGE12T36LA03330 หมายเลขเครื่องยนต์ 07LA03611 หมายเลขทะเบียน ฌล 555 กรุงเทพมหานคร ของกลาง
ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจําเลยที่ 2 ต่อจากโทษของ จําเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขดําที่ อ.1101/2564 ของศาลนี้ เนื่องจากคดีนี้ศาลไม่ลงโทษจําคุกจําเลยที่ 2 และคดีดังกล่าวศาลยังไม่มีคําพิพากษา จึงนับโทษจําเลยที่ 2 ต่อไม่ได้ให้ยกคำขอส่วนนี้ของโจทก์ ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 4
นายศักษ์ทวี ใจงาม จำเลยที่ 4 กรรมการ บริษัท เบนซ์นครินทร์ ออโต้ กรุ๊ป จำกัด จำเลยที่ 3 ให้การว่าเป็นเพียงพนักงานล้างรถของ บริษัทฯ ไม่ทราบว่าถูกเอาชื่อเป็นกรรมการได้อย่างไร ศาลเห็นว่าโจกท์ไม่นำสืบว่าจำเลยที่ 4 ร่วมกระทำผิดอย่างไร จึงมีคำสั่งยกฟ้อง จำเลยที่ 4
Cr : สำนักข่าวอิศรา