‘พิธา’ นำทีม ‘ก้าวไกล’ เปิดเวทีแนะนำผู้สมัครบุรีรัมย์ แผ่ความจริงอีกด้าน มีคนแก่ที่ใช้ชีวิตคนเดียว-เด็กด้อยโอกาส-คนหนี้ท่วมมากที่สุดอยู่ที่บุรีรัมย์ ลั่นพร้อมหยุดวงจร ‘มือใครยาวสาวได้สาวเอา’ คนบุรีรัมย์กินข้าว-ไม่ได้กินถนน ประกาศ ‘ก้าวไกล’ เปลี่ยนงบกองทัพเป็นสวัสดิการประชาชน-กระจายอำนาจใน 5 ปี ให้คนบุรีรัมย์กำหนดอนาคตตัวเอง
เมื่อวานนี้ (10 กุมภาพันธ์ 2566) พรรคก้าวไกล นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล วิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ อภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมแกนนำ และ ส.ส.พรรคก้าวไกล ร่วมเวทีปราศรัยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล จังหวัดบุรีรัมย์ ทั้ง 10 คน ที่ลานข้างถนนคนเดินริมทางรถไฟ ในบรรยากาศที่เนืองแน่นไปด้วยประชาชนและผู้สนับสนุนที่เดินทางมารับฟังการปราศรัย
วิโรจน์ ปราศรัยตอนหนึ่งว่า 8 ปีที่ผ่านมาประชาชนมีความคับแค้นหลายเรื่อง ค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภคแพงขึ้น ถูกอย่างเดียวคือค่าแรงและยาบ้า นอกจากการปฏิรูประบบราชการ ทหาร ตำรวจแล้ว เรายังต้องมีนโยบายสวัสดิการประชาชนเพื่อดูแลคนไทยทุกคนด้วย หลังจากพรรคก้าวไกลเสนอนโยบายสวัสดิการประชาชนออกมา ก็มีคนบอกว่าถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วคนไทยจะขี้เกียจแน่ ๆ ตนขอถามกลับว่าประเทศแบบไหนที่ปล่อยให้คนแก่อายุ 70-80 ยังต้องขยัน ทำงานมาทั้งชีวิต พอแก่ตัวลงยังต้องตรากตรำทำงานอยู่ จะให้พวกเขาตายคางานเลยหรืออย่างไร
ส่วนประยุทธ์เองก็ถามว่าจะเอาเงินที่ไหนทำสวัสดิการ แต่ทีเวลาจะซื้อเรือดำน้ำ ซื้อรถถัง ยานเกราะ เครื่องบินรบ ครั้งละหลักพันล้านหมื่นล้าน ประยุทธ์ไม่เห็นจะเคยถามว่าจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อ ปัญหาคือประเทศนี้ที่ผ่านมา ‘คนถือทัพพี’ ตักข้าวคนแรกไม่ใช่ประชาชน แต่ดันตักข้าวไปมากที่สุด เหลือแค่ก้นหม้อให้ประชาชน “เพราะฉะนั้น ผมยืนยันว่ารัฐสวัสดิการเป็นเรื่องที่ทำได้ แค่ต้องอาศัยการจัดสรรงบประมาณใหม่ ไม่ให้เอาไปใช้กับเรื่องไร้ประโยชน์ เราต้องเปลี่ยนให้คนที่จะได้ถือทัพพีตักข้าวคนแรก เป็นประชาชน” วิโรจน์ กล่าว
ด้านพิธา ระบุว่า วันนี้กลับมาที่บุรีรัมย์เป็นครั้งที่สองในรอบสามเดือน มาทุกครั้งด้วยความเชื่อว่าคนบุรีรัมย์ไม่มีเจ้าของ ไม่มีบ้านใหญ่ ต้องการความเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องการระบบแบบ ‘มือใครยาวสาวได้สาวเอา’ แม้ระบบที่เป็นมา ทำให้หลายๆ คนเชื่อว่าบุรีรัมย์มีความเจริญ มั่งคั่ง มีคนมาเที่ยวมากมาย แต่ข้อมูลที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึง คือข้อเท็จจริงที่ว่าผู้สูงอายุที่ต้องอยู่คนเดียว เด็กที่ด้อยโอกาส และประชาชนที่มีภาระหนี้สินสูงมากต่อรายได้ อยู่ที่บุรีรัมย์เป็นจำนวนมากที่สุด
ความเหลื่อมล้ำในการพัฒนาที่มหาศาลเช่นนี้ คือเหตุที่ทำให้เชื่อว่าบุรีรัมย์ไม่มีเจ้าของ คนบุรีรัมย์พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงหากมีพรรคการเมืองที่สามารถมอบคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าให้แก่ชาวบุรีรัมย์ได้ ชาวบุรีรัมย์เองก็ต้องการเปลี่ยนงบประมาณกองทัพให้เป็นสวัสดิการประชาชน นี่ต่างหากที่จะทำให้ชาวบุรีรัมย์นอนหลับได้ ไม่ใช่แค่การสร้างถนนไปเรื่อย ๆ ชาวบุรีรัมย์ไม่ต้องการการเมืองแบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา แต่ต้องการการกระจายอำนาจเหมือนทุกคนในทุกจังหวัดของประเทศนี้ สิ่งที่เป็นอยู่ในระบบการเมืองไทยปัจจุบัน ไม่เว้นแม้แต่ที่บุรีรัมย์ คือการที่มีนักการเมืองมาบอกประชาชนว่าให้เลือก ส.ส.พรรคตน แล้วจะได้ถนนดีๆ มาลงเหมือนจังหวัดอื่นๆ แต่ต้องขอถามกลับว่า ถนนเยอะอย่างเดียวมีประโยชน์อะไร ตราบเท่าที่ประชาชนยังไม่มีข้าวกินให้อิ่มท้องได้ทุกวัน
“คนบุรีรัมย์กินข้าว ไม่ใช่ถนน ดังนั้น เราจะเปลี่ยนงบกองทัพเป็นสวัสดิการประชาชน ดูแลคนไทยทุกคนอย่างเสมอกัน เราจะกระจายอำนาจให้ทุกจังหวัดรวมทั้งบุรีรัมย์ ให้เป็นคนเลือกผู้ว่าของตัวเองภายใน 5 ปี เมื่อนั้นคนบุรีรัมย์ไม่ต้องรอให้นักการเมืองมาบอกว่าให้เลือก ส.ส. เข้าไปเยอะๆ จะได้ทำอะไรให้บุรีรัมย์ หรือจะเอาถนนมาลงกี่เส้น คนบุรีรัมย์จะต้องได้เป็นผู้เลือกเอง ว่าจะพัฒนาอะไร”
สำหรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล ของจังหวัดบุรีรัมย์ทั้ง 10 เขต ประกอบด้วย :
(1) ธนายุทธ ยืนยั่ง (อ.เมือง)
(2) วิทธิลักษณ์ จันทร์ธนสมบัติ (อ.ชำนิ)
(3) ทรงพล ทะรารัมย์ (อ.กระสัง)
(4) นันทภพ ทองนุ่น (อ.สตึก)
(5) ธนากร สัมมาสาโก (อ.นาโพธิ์ อ.พุทไธสง อ.บ้านใหม่ไชยพจน์)
(6) ภูวดล ศรีหามาตย์ (อ.ลำปลายมาศ)
(7) สุพิศ คิดรอบ (อ.หนองกี่ อ.โนนสุวรรณ อ.ปะคำ)
(8) วินัย จีนโน (อ.นางรอง อ.เฉลิมพระเกียรติ)
(9) เสนาะ แก้วมุกดา (อ.ละหานทราย อ.โนนดินแดง อ.บ้านกรวด อ.เฉลิมพระเกียรติ)
(10) ต่อพงษ์ จีนใจน้ำ (อ.ประโคนชัย)
Cr. เพจ พรรคก้าวไกล – Move Forward Party