ร่วมรำลึกครบรอบ 1 ปี “หมอกระต่าย”
จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญเมื่อ พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ หมอกระต่าย อายุ 33 ปี แพทย์ผู้ชำนาญการด้านจักษุวิทยา ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ถูก ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก อายุ 21 ปี ผบ.หมู่ กองร้อยที่ 2 กองกำกับการ 1 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (กก.1 บก.อคฝ.) ขับขี่รถบิ๊กไบค์ยี่ห้อ ดูคาติ รุ่นมอนสเตอร์ หมายเลขทะเบียน 9942 เชียงราย พุ่งชนขณะเดินข้ามทางม้าลาย บริเวณหน้าสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ ถนนพญาไท จนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 21 ม.ค.65 กระทั่งศาลมีคำพิพากษา ส.ต.ต.นรวิชญ์ รวม 9 ข้อหา จำคุก 1 ปี 15 วัน ปรับ 4,000 บาท ไม่รอลงอาญา ไปเมื่อวันที่ 25 เม.ย.65 ที่ผ่านมา
ร่วมรำลึกถึงหมอกระต่าย ที่หน้าสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ ถนนพญาไท เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 21 ม.ค. กรุงเทพมหานครร่วมกับภาคีเครือข่ายร่วมกันเชิญชวนประชาชน จัดงานร่วมส่งแสง “รำลึก 1 ปี หมอกระต่าย สู่วันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน” โดยมี นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ประธานคณะกรรมการ บูรณาการกู้ชีพฉุกเฉินและความปลอดภัยทางถนน วุฒิสภา กทม. พร้อมด้วยนายแพทย์อนิรุทธ์ และนางรัชนี สุภวัตรจริยากุล พ่อและแม่ของหมอกระต่าย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และภาคีเครือข่ายภาคประชาชนรวมถึงผู้พิการเหยื่อจากมูลนิธิเมาไม่ขับและ สสส.เข้าร่วมกิจกรรม
ต่อมาเวลา 15.09 น. ได้ร่วมกันวางดอกกุหลาบสีขาวพร้อมกับจุดเทียนยืนไว้อาลัยให้หมอกระต่าย และร่วมกันเดินรณรงค์ชูป้ายพร้อมกับแจกตุ๊กตากระต่ายให้แก่ผู้ที่สัญจรไปมา โดยหลังการยืนไว้อาลัย นายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ อดีตโฆษกรัฐบาล ได้เข้าไปสวมกอดให้กำลังใจนายแพทย์อนิรุทธ์ ทำให้นายแพทย์อนิรุทธ์ถึงกำลังร่ำไห้ออกมา จากนั้นได้ร่วมกันทำกิจกรรมเดินข้ามทางม้าลายจุดเกิดเหตุ วนไปแยกพญาไทและกลับมาที่สถาบันโรคไตรภูมิฯ เพื่อรณรงค์เรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน โดยเฉพาะหยุดให้คนข้ามถนนตรงทางม้าลาย
นายสุรชัย กล่าวว่า การสูญเสียคุณหมอกระต่าย ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง สสส ตร. และ กรุงเทพมหานคร กรมการขนส่งทางบกและกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย ร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์ ภายใต้ชื่อโครงการ “หยุดสูญเสีย หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย ความดีที่คุณทำได้” โดยตั้งปณิธานแน่วแน่ร่วมกันว่า เราจะทำการรณรงค์ทุกวันที่ 21 ของทุกเดือน กระทั่งครบรอบ 1 ปีในวันนี้ ของการสูญเสียของหมอกระต่าย สู่ความปลอดภัยทางถนน ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน การจัดกิจกรรมรณรงค์นี้ยังไม่สิ้นสุดเพียงวันนี้ เพื่อให้สังคมไทยมีความปลอดภัยต่อการใช้รถอย่างแท้จริง
นายแพทย์อนิรุทธ์ พ่อหมอกระต่าย กล่าวทั้งน้ำตาว่า ความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในสังคม 1 ปีผ่านไปมันเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นกับครอบครัวของเรามาก 1 ปีผ่านไป รู้สึกเศร้าเหลือเกินยังไม่สามารถบรรเทาไปได้แม้จะพยายามปรับตัว ให้อยู่ต่อไปได้ยังมีคุณภาพ ได้ทำงานได้ช่วยเหลือสังคม ปีใหม่ปีนี้เป็นปีกระต่ายถูกบ้านจะสวัสดีปีกระต่าย แต่บ้านเราไม่มีกระต่ายแล้ว มันเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถจะบรรยายออกมาได้ทั้งหมด พร้อมกับเขียนกลอนไว้ว่า “ถึงปีใหม่ใจหายไม่วายโศก ชะตาโชคหรือไฉนช่างร้ายหลาย อยู่หลัด ๆ มาคลาดแคล้วแก้วกระจาย จวบปีคล้ายเราหลับฝันแค่วันคืน เคยพร้อมพ่อแม่น้องฉลองฤกษ์ นาทีเบิก พ.ศ. ใหม่ได้สดชื่น สุขเฉลิมเพิ่มพลังให้ยั่งยืน ครานี้หมองข่มฝืนขมขื่นทรวง”
นายแพทย์อนิรุทธ์ กล่าวอีกว่า ผ่านมา 1 ปี อยากบอกว่ามีสิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี และเป็นประโยชน์ต่อสังคม มีการเปลี่ยนแปลงทางม้าลายอย่างชัดเจนควรเห็นได้ง่ายขึ้น มีการกำหนดจุดเตือน การเตือนความเร็วป้ายบอกความเร็ว มีป้ายสัญญาณจราจรเพิ่มขึ้น เป็นสิ่งที่ดี การเคารพกฎจราจเรื่องการเคารพกฎจราจรต่าง ๆ เคร่งครัดและระวังกันมากขึ้นแต่หลังจากนั้นเรื่องเคร่งครัดและระวังกันมากขึ้นแต่หลังจากนั้นเหมือนจะซาลงไปในความเป็นจริง เหตุการณ์ที่น่าสะเทือนขวัญก็เป็นกระแสอย่างหนึ่งของสังคมซึ่งจะระวังในช่วงแรก ๆ และมีการเตือนกันมากขึ้น แต่นานไปก็แผ่วลงเป็นเรื่องธรรมดา และขอบคุณกรรมการและทุกฝ่ายที่จัดงานในครั้งนี้ และขอขอบคุณมติ ครม. กำหนดวันที่ 21 มกราคมเป็นวันปลอดภัยทางถนน แต่ความปลอดภัยของผู้ใช้ถนนต้องมีทุกวัน
นายแพทย์อนิรุทธ์ กล่าวด้วยว่า ตนอยากให้การรณรงค์ครั้งนี้เปล่งเสียงแพร่ออกไปสู่ประชาชนในวงกว้าง ให้ประชาชนตระหนักถึงการเคารพกฎจราจรและการสูญเสียที่เกิดขึ้น อยากให้ทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบร่วมกันดูแล ร่วมรณรงค์ไปด้วยกัน เชื่อว่าจะทำให้การแก้ปัญหามีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้นการจำกัดความเร็วในชุมชน ควรกำหนดความเร็วในเขตชุมชน ถ้าหากทำได้จะลดอันตรายที่เกิดขึ้นได้เยอะ และกวดขันกฎหมายให้มีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น สุดท้ายคือการปลูกฝังเยาวชน และอยากจะเห็นเป้าหมายที่ชัดเจนของรัฐบาล ว่าจะทำให้ความปลอดภัยบนท้องถนนเกิดขึ้นได้เมื่อไหร่ ไปด้วยกันเพื่อให้หน่วยงานจะร่วมบูรณาการไปสู่จุดหมายและฝากย้ำเตือนถึงความสำนึกของผู้ใช้รถต้องคำนึงถึงคุณค่าแต่ละชีวิตมีคุณค่า ยังมีคุณค่าทางสังคมโดยเฉพาะหมอกระต่ายยังมีคุณค่าต่อประชาชนและคนไข้ สุดท้ายฝากถึงรัฐบาลสมัยหน้าให้กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน เพื่อให้ภาคีเครือข่ายเข้ามาร่วม เชื่อว่าจะทำให้ไปถึงเป้าหมายได้