รวบแก็งกันน็อกแดงเขียวตระเวนลัก จยย.ทั่วกรุงเทพฯ ปริมณฑลส่งเอเยนต์ออกนอก
ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เร่งรัดปราบปรามแก็งโจรกรรมรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ซึ่งตระเวนลักรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านซึ่งจอดรถอยู่บริเวณที่พักอาศัยและแหล่งชุมชนในพื้นที่ กรุงเทพฯ และปริมณฑลอย่างหนักเป็นการสร้างความเดือดร้อนและกระทบการดำรงชีวิตของประชาชนทั่วไปอย่างรุนแรงเป็นวงกว้าง โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. IDMB รับแจ้งเรื่องร้องเรียนจากภาคประชาชนในพื้นที่ย่านพหลโยธินและย่านบางเขน กรุงเทพฯ ว่าในห้วงตั้งแต่เดือน พ.ย.65 จนถึงปัจจุบัน พบแก็งมิจฉาชีพโจรกรรมรถจักรยานยนต์สร้างความหวาดวิตกกังวลแก่เจ้าของและ ผู้ครอบครองรถจนไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข จึงได้สั่งการให้ บก.สส.บช.น. เร่งรัดออกสืบสวนปราบปราม
สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 เวลาประมาณ 12.00 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.บช.น. จึงได้สั่งการให้ชุดลาดตระเวนออนไลน์ประกอบด้วย พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สืบสวน 1 บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.พิสิทธิ์ เตชะ สว.กก.1 บก.สส.บช.น. และ ด.ต.อุทัย กิ่งแก้ว ผบ.หมู่ กก.สส.1ฯ ลงพื้นที่สืบสวน หาข่าว และติดตามพฤติกรรรม เบาะแสและแผนประทุษกรรมของกลุ่มคนร้ายซึ่งก่อเหตุในคดีนี้ โดยพบว่า คนร้ายเป็นชายวัยรุ่นจำนวน 2 ราย ขับรถจักรยานยนต์ตระเวนออกลักรถจักรยานยนต์ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งมีตำหนิพิเศษโดยคนร้ายทั้งสองมักจะใส่หมวกกันน็อกสีเขียวและสีแดงออกตระเวนลักทรัพย์ฯ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้สืบสวนและจับกุมตัวคือ
1. นายเจษฏาพร หรือบอล ไพรเวหา อายุ 20 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 71/2566 ลงวันที่ 12 มกราคม 2566
2. นายธรรมนูญ หรือแบงค์ เลิศชัย อายุ 20 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.บาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 72/2566 ลงวันที่ 12 มกราคม 2566
3. นายพจน์ รุ่งแสง อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121 ม.8 ต.ธงชัยเหนือ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา
โดยกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปโดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกในการกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป เพื่อให้พ้นการจับกุม” และกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 3 ว่า รับของโจร
พร้อมยึดของกลาง 1. รถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุจำนวน 2 คัน, 2. รถจักรยานยนต์ที่ลักมาจำนวน 2 คัน, 3. รถจักรยานยนต์จำนวน 6 คัน จากการตรวจสอบพบว่าได้แจ้งหายในพื้นที่ กรุงเทพฯ, 4. เสื้อผ้า หมวกกันน็อก, 5. อุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อเหตุรวมทั้งสิ้นกว่า 25 รายการ จับกุมได้ที่ห้องพักเลขที่ 306,309 บ้านเลขที่ 29/44 แขวงคูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี
จากการสอบถามผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับว่า ได้ร่วมกันก่อเหตุตระเวนลักรถจักรยานยนต์ ซึ่งจอดในพื้นที่เปลี่ยว ปลอดคน และตามบ้านพักในพื้นที่ทั่วกรุงเทพฯ อาทิ เขตสายไหม คันนายาว พหลโยธิน และบางเขน และพื้นที่ อ.คูคต, อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี รวมเป็นจำนวนกว่า 14 คัน โดยก่อนออกก่อเหตุ นายบอลฯ จะให้หมวกกันน็อกสีเขียว นายแบงค์ฯ จะใส่หมวกกันน็อกสีแดง เสริมความโชคดี ซึ่งรอดพ้นจากการถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมมาโดยตลอด ซึ่งทั้งสองจะมีการแบ่งหน้าที่กันทำ โดย นายเจษฏาพร หรือบอล ทำหน้าที่คนขับรถตระเวนหาเหยื่อและรถ ส่วนนายธรรมนูญ หรือ แบงค์ ทำหน้าที่ลักรถจักรยานยนต์ออกนอกพื้นที่และทำการต่อสายตรงโดยใช้เพียงแค่ลวดต่อวงจรไฟฟ้า (ลักษณะคล้ายการต่อฟิวส์ไฟฟ้าบ้าน) จากนั้นทั้งสองจะขับรถจักรยานยนต์มาซุกซ่อนและขายต่อให้ลูกค้าประจำในพื้นที่ จ.นครราชสีมา โดยตนจะได้รับจากการขายรถจักรยานยนต์คันละ 10,000–17,000 บาท ขึ้นอยู่กับสภาพรถและการตกลงกับลูกค้า แต่สุดท้าย ดวงโจรตก ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังสามารถขยายผลจับกุมผู้ต้องหาที่ 3 ถึงกลุ่มผู้ร่วมขบวนการบรรทุกรถจักรยานยนต์ที่ลักมาขึ้นรถบรรทุกตู้จะนำไปส่งให้ผู้จ้างวานในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เพื่อส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งได้รับค่าจ้างในการขนส่งคันละ 1,000 บาท โดยได้ทำการตรวจยึดรถจักรยานยนต์ได้เพิ่มเติมอีกจำนวน 6 คัน จากการตรวจสอบพบว่าได้แจ้งหายในพื้นที่ กรุงเทพฯ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งดำเนินการสืบสวนและติดตามกลุ่มผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางเขน ดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “จากการขยายผลตอนนี้พบพยานหลักฐานสำคัญหลายรายการ ซึ่งเราจะมีการขยายผลดำเนินคดีทั้งขบวนการจนถึงที่สุด เพื่อตัดวงจรขบวนการส่งรถออกนอกประเทศนี้ ซึ่งจากข้อมูลที่ บก.สส.บช.น. ได้รวบรวมจากการก่อเหตุลักษณะนี้จะพบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุจะมีการคัดเลือกรถตลาดที่นิยมใช้กันโดยทั่วไป เพราะขายได้ราคาและลักได้ง่าย และจะนำขายต่อให้กับกลุ่มรับซื้อ ก่อนขนส่งออกนอกประเทศทางช่องทางธรรมชาติ โดยกระบวนการทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 วัน จึงขอแนะนำประชาชนหากเป็นไปได้ ให้จอดรถในที่ที่ปลอดภัย และควรเพิ่มมาตรการป้องกันเช่น ล็อกคอรถ การใช้กุญแจล็อกดิสเบรค หรืออาจเป็นอุปกรณ์ล็อกล้อ เป็นต้น และขอฝากว่าหากพบเบาะแสของกลุ่มมิจฉาชีพลักษณะนี้ สามารถแจ้งเข้ามาที่เพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะไม่เป็นคดีอุกฉกรรจ์แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน