มาแล้ว….กระแสภูมิใจไทยเมืองคอน “อารีจับมือ สจ.ถึก” ร่วมกันปั้น
ในวันที่อาจารย์ใหญ่ของพรรคภูมิใจไทย “เนวิน ชิดชอบ” นำทีมฟุตบอล “บุรีรัมย์ยูไนเต็ด” ไปเตะฟุตบอลแมชการกุศลที่จังหวัดสงขลา ทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ภาคใต้ของพรรคภูมิใจไทย ก็ยกทีมไปให้กำลังใจด้วยคึกคัก
งานนี้ “อารี ไกรนรา” นายหัวเรือใหญ่ของพรรคภูมิใจไทย นครศรีธรรมราช ก็ขนว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. นครศรีธรรมราช พรรคภูมิใจไทย ไปส่งแรงเชียร์ด้วยครบทั้ง 9 เขต 9 คน
แน่นอนว่าการพบกันของกูรูทางการเมืองระดับอาจารย์ใหญ่กับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. คงต้องคุยกันเรื่องการเมือง การเลือกตั้งด้วยเป็นแน่แท้
กล่าวถึงสนามเลือกตั้งนครศรีธรรมราช หลังจาก “อารี” ได้รับมอบหมายจากพรรคให้ลงไปดูสนามเลือกตั้งนครศรีธรรมราช ก็ลงคลุกอยู่กับพื้นที่มาแล้ว 3 เดือน ประสานกับ “นายหัวถึก” หรือ “สจ.ถึก” ภูมิพัฒน์ เหมือนจันทร์” คนใกล้ชิดของ “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีท่องเที่ยวและกีฬาอย่างเหนียวแน่น เดินสายพบแกนนำ จัดตั้งฝังแกน ถึงเวลานี้น่าจะกล่าวได้ว่า พบแกนนำไปแล้วกว่า 80% และจะยังมุ่งมั่นเดินหน้าสร้างเครือข่ายต่อไป
“หลังพี่ลงมาดูแลนครศรีธรรมราชบ้านเกิด ก็หวังว่า จะได้กลับมารับใช้แผ่นดินเกิด ต้องยอมรับความจริงว่า นครศรีธรรมราชเสียโอกาสมายาวนานมากแล้ว พี่เองก็ไปช่วยเหลือจังหวัดอื่นมามาก ขอกลับมาพัฒนาบ้านเกิดบ้าง”
อารีในวัย 70 ปี หลังลงไปดูแลพื้นที่นครศรีธรรมราช ก็ระดมสรรพกำลัง ญาติมิตรพี่น้องมาช่วยกันเต็มที่ มีเป้าหมายชัดเจนว่า ต้องปักธงภูมิใจไทยในนครศรีธรรมราชให้ได้
ภาพจาก : ข่าวสด“พี่ลงมาแล้ว ต้องปักธงภูมิใจไทยในนครศรีธรรมราชให้ได้ ไม่งั้นเสียชื่ออารี พี่ระดมพรรคพวกระดับเชี่ยวชาญการเมือง รู้จักคน รู้จักพื้นที่มาเป็นทีมยุทธศาสตร์ ช่วยคิดช่วยทำ เวลานี้เดินตามแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้แล้ว”
พูดได้ว่าหลังจาก “อารี” เข้าร่วมภารกิจกับพรรคภูมิใจไทย ทำให้กระแสพรรคภูมิใจไทยในนครศรีธรรมราช กระเตื้องขึ้นมาเยอะมาก ตามร้านน้ำชา-กาแฟ เริ่มมีการกล่าวขวัญถึงอย่างมีนัยนะสำคัญ อันน่าจะเกิดจากเหตผลหลายประการ
เหตุผลประการแรก เกิดจากการนำของอารี ประสานกับนายหัวถึก จับมือกับ 9 ว่าที่ผู้สมัคร สร้างขบวนการทำงานเป็นทีม สร้างการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน ทำให้เป็นพรรคเดียวที่ไม่มีปัญหาความแตกแยกในทีม ไปไหนไปกัน และกำลังเตรียมงานสัมมนาระดมความเห็นจากว่าที่ผู้สมัคร เพื่อกำหนดนโยบายในระดับพื้นที่ในการหาเสียง และผลักดันสู่การปฏิบัติในอนาคต
ประการที่สอง คือกระแสของพรรคโดยรวมก็ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องกับวลี “พูดแล้วทำ” ที่ไปสู้กับวลีของพรรคประชาธิปัตย์ “คำไหนคำนั้น” เมื่อกระแสพรรคดีขึ้น กระแสระดับจังหวัดก็ดีตามไปด้วย
ตัวว่าที่ผู้สมัคร ที่ผ่านการคัดเลือกมาก็อยู่ในระดับแถวหน้าของเมืองคอน และขยันลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จากการเป็นคนที่มีคนรู้จักน้อย เริ่มเป็นที่กล่าวขานถึง
อีกอย่างพรรคคู่แข่งอย่างประชาธิปัตย์ ก็สร้างกระแสยังไม่ขึ้นมากนัก “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” ยังเป็นยุทธศาสตร์ที่เข้าใจยาก ต้องอธิบายเพิ่ม ไม่เหมือน “บำเหน็จ 3000” หรือค่าจ้างขั้นต่ำ 600 เข้าใจได้ง่าย ๆ ประกอบกับคนเบื่อด้วย กระแสพรรคภูมิใจไทย จะมาแทนจึงมีความเป็นไปได้
คู่แข่งอย่าง “พลังประชารัฐ” ที่มี ส.ส. ถึง 4 คน ในนครศรีธรรมราช แต่อยู่ในภาวะ “อ่อนแรง” หลัง “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ออกไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ส.ส. แต่ละคนก็แตกแยกกัน ต่างคนต่างเดิน ไม่เป็นทีมเดียวกัน
ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังเป็นพรรคใหม่ การค้นหาผู้ที่มาทีหลัง จึงมีแต่คนเกรด C และเกรด D “วิทยา แก้วภารดัย” แกนนำพรรคสายใต้ ก็ถูกเตะโด่งไปดูแลภาคอิสาน
โอกาสของพรรครวมไทยสร้างชาติจึงอยู่แค่ ส.ส. เก่าที่ย้ายมากจากพรรคอื่น เช่น “พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล” และ “สายัณห์ ยุติธรรม” เป็นหลัก เว้นเสียแต่ว่า ไปควานหาตัวดีเข้ามาเสริมทัพได้ ก็ฝากความหวังไว้กับสายัณห์ในการคนผู้สมัครหน้าใหม่ที่มีดีกรี
จากเหตุผลข้างต้น ทำให้กระแสของพรรคภูมิใจไทยในจังหวัดนครศรีธรรมราช ดีขึ้นตามลำดับ ถ้าบริหารจัดการดี ดันกระแสให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ความฝันของ “อารี” ก็จะเป็นจริง