นายกฯ Kick off “โครงการหนึ่งโรงเรียน หนึ่งครูอนามัย สร้างเด็กไทยรอบรู้สุขภาพ” มุ่งเดินหน้าเพิ่มศักยภาพครูดูแลเด็กรอบด้านทั้งกายและใจตามหลัก 4H พร้อมเสริมทักษะชีวิต สร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อเป็นพื้นฐานสำคัญสู่การเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ
วันนี้ (13 มกราคม 2566) เวลา 09.30 น. ณ โรงเรียนโพธิสารพิทยากร แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กรุงทพมหานคร พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธี Kick off โครงการ “หนึ่งโรงเรียน หนึ่งครูอนามัย สร้างเด็กไทยรอบรู้สุขภาพ” เป็นโครงการตามนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับพัฒนาการของเด็กไทยอย่างรอบด้าน และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ อย่างเป็นรูปธรรม เช่น ระดับสติปัญญา ความฉลาดทางอารมณ์ ปัญหาด้านโภชนาการ ด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งภาวะเครียดและซึมเศร้าที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมบูรณาการการทำงานร่วมกันและขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อพัฒนาศักยภาพเด็กไทยด้านสาธารณสุขให้มีประสิทธิภาพ มีพฤติกรรมที่เหมาะสมและนำไปสู่การมีสุขภาพที่ดีทั้งด้านร่างกายและจิตใจอันเป็นพื้นฐานสำคัญของการเรียนรู้ และต่อยอดสู่การศึกษาต่อรวมทั้งการประกอบอาชีพในอนาคต โดยมี นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร คณะครู นักเรียน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายกรัฐมนตรีชื่นชมกิจกรรมเปิดตัว “โครงการหนึ่งโรงเรียน หนึ่งครูอนามัย สร้างเด็กไทยรอบรู้สุขภาพ” ซึ่งเป็นความร่วมมือและความปรารถนาดีของส่วนราชการที่ตั้งใจทำโครงการดี ๆ เพื่อเสริมสร้างทักษะการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันให้เด็กและเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของประเทศ นับเป็นความก้าวหน้าในการปฏิบัติอีกระดับหนึ่ง และจากคำขวัญวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2566 “รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่ความดี” เป็นความคาดหวังตั้งใจให้เด็กและเยาวชนได้ตระหนักรู้ถึงบทบาทหน้าที่ของตนเอง รวมถึงคาดหวังให้ครู อาจารย์ และผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมปลูกฝังทัศนคติที่ดี และองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่จำเป็น เพื่อสร้างเกราะคุ้มกันเด็กและเยาวชนให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข มีทัศนคติที่ดี มีความปลอดภัยภายใต้สถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไปมาก เช่น เทคโนโลยีดิจิทัล สถานการณ์โรคติดต่อใหม่ ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของทุกคน แต่ผู้ใหญ่มีองค์ความรู้ มีประสบการณ์ และภูมิคุ้มกันที่ทำให้พร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ส่วนเด็กและเยาวชนยังมีประสบการณ์น้อยจึงอาจจะทำให้มีภูมิคุ้มกันไม่พร้อมต่อการรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต ส่งผลต่ออนาคตที่อาจทำให้อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ยาก
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง แนวทางการดูแลสุขภาพกายและใจตามหลัก 4H เพื่อเป็นพื้นฐานสำคัญในการนำไปสู่การเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปสู่เป้าหมายของการพัฒนาเด็กให้มีสุขภาพกายใจที่แข็งแรง ประกอบด้วย 1) Health แข็งแรง สุขภาพดี 2) Head ความเก่ง ความฉลาด 3) Heart ความดี ความมีวินัย และ 4) Hand ความสามารถด้านทักษะอาชีพ พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีขอบคุณกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนโครงการฯ และเป็นกำลังใจให้ครูอนามัยทุกคนที่ช่วยดูแลและให้ความรู้ด้านสุขภาวะที่ดีแก่เด็กนักเรียนพร้อมขอให้การดำเนินงานสำเร็จตามวัตถุประสงค์
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งพระบารมีแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี โปรดอภิบาลประทานพรให้ผู้บริหารโรงเรียน ครู เด็กและเยาวชนทุกคนประสบแต่ความสุข มีสุขภาพสมบูรณแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจที่พร้อมสำหรับการเป็นกำลังของชาติในอนาคตต่อไป
ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีชมฐานสาธิต “เด็กไทยรอบรู้สุขภาพ” จำนวน 4 ฐาน ได้แก่ 1) ฐาน CPR สาธิตและฝึกปฏิบัติการกู้ชีพขั้นพื้นฐานและการใช้เครื่องกระตุกหัวใจด้วยไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ร่วมสาธิตการกู้ชีพด้วยวิธีการ CPR ด้วย 2) ฐานคัดกรองสุขภาพจิตและสารเสพติด การดูแลสุขภาพใจด้วย School Health Hero หรือระบบสุขภาพจิตโรงเรียนวิถีใหม่ ที่มีการประเมิน 9S Plus โดยครู การประเมินภาวะซึมเศร้า PHQA โดยนักเรียนประเมินตนเอง พร้อมระบบ APP Buddy ป้องกันการรังแก รวมทั้งการประเมินผ่าน line OA และการให้คำแนะนำเพื่อห่างไกล ปลอดภัยจากสารเสพติดและบุหรี่ไฟฟ้า 3) ฐานผลิตภัณฑ์สุขภาพ สาธิตการอ่านฉลากโภชนาการด้วยเทคโนโลยี AI/3D และการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางเลือกสุขภาพ 4) ฐานตรวจเต้านม สาธิตการตรวจเพื่อค้นหาความผิดปกติตั้งแต่ระยะเริ่มต้นด้วยตนเอง ร่วมสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีและให้ผู้หญิงไทยสามารถดูแลเต้านมด้วยตนเองอย่างถูกวิธี
นายกรัฐมนตรียังได้ชมนิทรรศการแผนการเรียนอาชีพในสาขาต่าง ๆ เช่น แพทย์ นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ วิทยาการคอมพิวเตอร์บริหารธุรกิจ เภสัชศาสตร์ ครุศาสตร์ เป็นต้น ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมวางแผนการศึกษาในทุก ๆ ด้าน เพื่อการสร้างแรงบันดาลใจในการศึกษาต่อได้ตามความถนัดและสนใจ เพื่อให้ประสบความสำเร็จในการเรียน การประกอบอาชีพ สามารถปรับตัวและดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข
สำหรับการขับเคลื่อนโครงการ 1 โรงเรียน 1 ครูอนามัย สร้างเด็กไทยรอบรู้สุขภาพ มีแผนการขับเคลื่อนโครงการระยะ 5 ปี (2566 – 2570) ตั้งเป้าในปี 2566 เด็กไทย 1,000,000 คน สามารถ 1) ช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานได้ 2) รู้เท่าทันจิตใจตนเองและผู้อื่น สามารถจัดการความเครียดพร้อมสร้างความสุขด้วยตนเอง 3) รู้โทษภัยห่างไกลสารเสพติด 4) มีทักษะตรวจเต้านมด้วยตนเอง และ 5) สถานศึกษามีความปลอดภัยรอบด้านและเอื้อต่อการเรียนรู้ รวมทั้งสื่อสารต่อยอดความรู้สู่เพื่อน ครอบครัว และชุมชนต่อไป