สืบสวน สตม.รวบหนุ่มแดนมังกรสวมรอยเป็นนักธุรกิจต่างประเทศชักชวนหลอกลงทุนความเสียหายกว่า 1,400 ล้านบาท และต่างด้าวหนีคดีฉ้อโกง ความเสียหายร่วม 600 ล้านบาท
ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือ
เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ประกอบกับนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
วันที่ 9 ม.ค.66 เวลา 13.30 น. ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 2 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี : พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์, พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร,พล.ต.ต.สรร พูลศิริ, พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง, พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อาภากร โกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ร่วมกันแถลงข่าวผลงาน บก.สส.สตม.จำนวน 2 คดี
คดีที่ 1 “รวบหนุ่มแดนมังกรสวมรอยเป็นนักธุรกิจต่างประเทศชักชวนหลอกลงทุนความเสียหายกว่า 1,400 ล้านบาท” เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม, กก.1 บก.สส.สตม. และ กก.ปอพ.บก.สส.สตม. ได้ร่วมกันจับกุมตัว MR.Shangguan หรือ นายฉางกวน (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี ในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” พฤติการณ์กล่าวคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามบุคคล ราย MR.Shangguan หรือ นายฉางกวน อายุ 44 ปี ซึ่งได้รับการขอร้องให้ช่วยติดตามจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญจากสำนักงานกงสุล (ฝ่ายตำรวจ) ณ นครคุณหมิง โดยผู้ต้องหารายดังกล่าว ได้ฉ้อโกงประชาชน มีมูลค่าความเสียหาย กว่า 1,400 ล้านบาท โดยผู้ต้องหาได้เปิดบริษัทจดทะเบียนในต่างประเทศและทำการชักชวนให้ประชาชนเข้าทำการลงทุน ซึ่งเป็นการหลอกลวง ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีไปอยู่ที่ จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้เดินทางมาตรวจสอบ พบบุคคลมีตำหนิรูปพรรณคล้าย MR.Shangguan จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ผู้ต้องหารับว่าตน คือ MR.Shangguan อายุ 44 ปี ไม่มีหนังสือเดินทางจริง และรับว่าได้หลบหนีเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านช่องทางธรรมชาติเข้ามาที่ประเทศไทย จึงได้ให้ดูหมายจับประเทศจีน รับว่าเป็นบุคคลเดียวกันในหมายจับดังกล่าวจริง และจากการตรวจค้นตัว พบโทรศัพท์มือถือที่ติดตัวมาจากประเทศจีน, เอกสารใบขับขี่สากลสัญชาติไต้หวันปลอมที่สั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ และ เอกสารแบบรับรองรายการทะเบียนประวัติ ของคนต่างด้าวฯ ที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นกรณีพิเศษ โดยแสดงข้อมูลถึงชื่อบุคคลอื่นและสัญชาติอื่น แต่เป็นรูปของ Mr.Shangguan ซึ่งเป็นข้อมูลเท็จ สอบถาม MR.Shangguan ให้การรับว่าเป็นของตนจริง จึงได้ทำการตรวจยึดและนำตัว MR.Shangguan ส่งพนักงานสอบสวน บก.ตม.5 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 2 “รวบผู้ต้องหาต่างด้าวหนีคดีฉ้อโกงประชาชน มูลค่าความเสียหายร่วม 600 ล้านบาท” ตามที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พิจารณาดำเนินการกับนายจง (นามสมมติ) คนต่างด้าวซึ่งเป็นบุคคลที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับและต้องการตัวไปดำเนินคดี ในความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชน โดยมีพฤติการณ์กระทำผิด คือ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2559 เป็นต้นมา นายจงฯ ได้ร่วมกับเพื่อนเปิดบริษัทและจ้างพนักงานมาทำหน้าที่โทรศัพท์หาลูกค้าเพื่อหลอกให้มาร่วมลงทุน โดยอ้างว่าบริษัทเป็นบริษัทที่สามารถทำบัตรเครดิตได้จำนวนมาก มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อกว่า 500 ราย มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 600 ล้านบาท และนายจงฯ ได้หลบหนีมายังประเทศไทย
กก.1 บก.สส.สตม. ได้สืบสวนและตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่า นายจงฯ ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ทางด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ บก.ตม.2 เมื่อวันที่ 16 ก.ย.62 ได้รับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยว 60 วัน และได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไปถึงวันที่ 20 ก.ย.66 จึงได้เสนอขอเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนายจงฯ เนื่องจากเป็นบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับเข้าลักษณะต้องห้ามมิให้เข้ามาในราชอาณาจักรตามมาตรา 12 (7) แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มีพฤติการณ์สมควรเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 จากนั้นได้สืบสวนติดตามหาตัวนายจง ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดนนทบุรี จนทราบว่า นายจงฯ จะเดินทางไปทำธุระที่ อ.บางกรวย จ.นนทุบรี จึงได้ประสานงานกับ ตม.จ.นนทบุรี เพื่อติดตามหาตัวนายจงจนกระทั่งพบนายจง จึงได้แจ้งคำสั่งเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรให้ทราบ และนำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อกักตัวรอการส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรต่อไป
สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแส การกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ http://www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน