สืบสวนนครบาลรวบ แขก ออเงินข่มขืนแฟนสาวของเพื่อนรัก
ชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบนครบาล IDMB ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้รับแจ้งให้ช่วยจับกุม แขกออเงินในคดีข่มขืนกระทำชำเราแฟนรุ่นน้องหลังจัดงานเลี้ยงกลุ่มเพื่อน โดยแขกออเงินผู้ต้องหาแสดงตัวเป็นสุภาพบุรุษอาสาไปส่งหญิงรุ่นน้องที่มึนเมา แต่กลับเปลี่ยนเป็นเดนมนุษย์พาเข้ารีสอร์ทย่านคลองสามวา และได้ทำการล่วงละเมิดทางเพศ สืบสวนนครบาลจึงเร่งสืบสวนและติดตามคนร้ายรายนี้โดยเร็ว
วันที่ 20 ธ.ค.65 เวลา 20.30 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.ธนากร จอมเกาะ สว.กก.สส.4 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.พัฒน์พงษ์ กื้อมะโน สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น., ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น, ร.ต.อ.อภิชัย ชัชวาลย์ปรีชา รอง สว.กก.สส.4 บก.สส.บช.น., ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา รอง สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.)
นำกำลังสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายณัฐพนธ์ โมสันเทียะ หรือ แขกออเงิน อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48 ม.5 ต.โคกมั่งงอย อ.คอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.1345/2565 ลงวันที่ 7 ธ.ค.65 โดยกล่าวหาว่า “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็นด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้” โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่ ห้องเช่าไม่มีเลขที่ สุขาภิบาล 5 ซอย 51 แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ
พฤติการณ์กล่าวคือ เมื่อวันที่ 24 พ.ค.64 นายณัฐพนธ์ โมสันเทียะ หรือแขกออเงิน และเพื่อนอีกหลายคนได้มีงานเลี้ยงในบ้านพักย่านคลองสามวา ซึ่งต่อมาเพื่อนคนสนิทคนหนึ่งของ นายณัฐพนธ์ฯ ซึ่งอยู่ในวงเหล้าได้มีปากเสียงอย่างรุนแรงกับแฟนสาว ซึ่งก็คือ น.ส.(ก) (นามสมมุติ) อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหายในคดีนี้ ซึ่งทั้งสองทะเลาะกันอย่างรุนแรงกระทั่งถึงจุดแตกหักฝ่ายชายซึ่งเป็นเพื่อนของ นายณัฐพนธ์ฯ ได้ขับรถออกไปคนเดียว โดยทิ้ง น.ส.(ก.) นั่งร้องไห้เสียใจในงานเลี้ยงหลังจากนั้น นายณัฐพนธ์ฯ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของฝ่ายชายอาศัยจังหวะปลอบประโลมกระทั่งเวลาประมาณ 03.00 น. น.ส.(ก.) เกิดอาการมึนเมาไม่ได้สติ นายณัฐพนธ์ฯ จึงได้อาสาเพื่อขับรถพาไปส่ง น.ส.(ก.) ซึ่งระหว่างทาง นายณัฐพนธ์ฯ ไม่ได้พาไปส่งที่บ้านกลับพาเลี้ยวเข้าโรงแรมม่านรูด ย่านคลองสามวา ก่อนลงมือข่มขืน น.ส.(ก.) ซึ่งอยู่ในอาการมึนเมาและไม่ได้สติ กระทั่งรุ่งเช้า น.ส.(ก.)ได้ตื่นมาพบว่าตนเองมิได้อยู่บ้านแต่กลับนอนอยู่กับ นายณัฐพนธ์ฯ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของแฟนตนเอง ในสภาพไม่ได้สวมเสื้อผ้า หลังเหตุการณ์ดังกล่าว น.ส.(ก.) จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นายณัฐพนธ์ฯ ที่ สน.คันนายาว
ซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวนได้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนกระทั่งได้ขออนุมัติศาลอาญามีนบุรีออกหมายจับ นายณัฐพนธ์ฯ ตามหมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ 1345/2565 ลงวันที่ 7 ธ.ค.65 ในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็นด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้” ซึ่งต่อมา พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. นำกำลังเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. สืบสวนติดตามซึ่งได้สืบทราบว่า นายณัฐพนธ์ฯ เป็นช่างสัก เปิดร้านรับสักลายอยู่ละแวก แขวงออเงิน เขตสายไหม จ.กรุงเทพฯ
พ.ต.อ.ธนากรฯ จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ และได้ทำการจับกุมตัว นายณัฐพนธ์ฯ ได้ที่ห้องเช่าไม่มีเลขที่ สุขาภิบาล 5 ซอย 51 แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ โดยขณะจับกุมตัว นายณัฐพนธ์ฯ แสร้งหลอกเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมว่าตนเองมิใช่ นายณัฐพนธ์ฯ เพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุม แต่ไม่สามารถตบตาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้เนื่องจาก ชุดจับกุมได้ตรวจสอบรอยสักบนตัวของ นายณัฐพนธ์ฯ จึงยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ
ในชั้นจับกุม นายณัฐพนธ์ หรือแขกออเงิน ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “น.ส.(ก.) เป็นแฟนของเพื่อนคนสนิทตนเองที่คบกันมาหลายปี โดยในวันเกิดเหตุตนได้อาสาพา น.ส.(ก.) ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์เพื่อไปส่งบ้านละแวกฝั่งธนบุรี แต่ระยะทางไกลเกินไปจึงแวะพักโรงแรมม่านรูดย่านคลองสามวา และอ้างว่าฝ่ายหญิงเป็นผู้จ่ายค่าห้องโรงแรมส่วนตนเองนั้นนั่งสูบบุหรี่อยู่ ซึ่งหลังเปิดห้อง น.ส.(ก.) ไม่ได้สติตนเองจึงลงมือถอดกางเกงและข่มขืน แต่ระหว่างลงมือได้เกิดความรู้สึกผิด จึงไม่ได้ลงมือต่อ แต่นอนอยู่บนเตียงเดียวกันจนถึงกระทั่งรุ่งเช้า ซึ่งหลังเหตุการณ์ดังกล่าวประมาณ 2 วัน เพื่อนสนิทของตนนั้นได้พา น.ส.(ก.) ไปแจ้งความที่ สน.คันนายาว ซึ่งหลังจากนั้นตนเองได้จ่ายค่าเสียหายไปให้ น.ส.(ก.) เป็นเงินจำนวน 150,000 บาท แล้ว โดยอ้างว่าที่ทำไปทั้งหมดนั้นเพราะอาการเมา” เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน