สืบสวนนครบาล รวบเซียนพระกำมะลอ หลอกเช่าพระทิพย์ มีหมายจับติดตัว 3 หมาย
ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้สั่งการ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างมากในปัจจุบัน “ชุดลาดตระเวนออนไลน์” สืบสวนนครบาล IDMB ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนผู้เดือดจำนวนมาก ว่าถูกกลุ่มแก็งค์ที่อ้างตนว่าเป็นเซียนพระ หลอกผู้เสียหายเช่าพระเครื่องบูชาและวัตถุมงคล สูญเงินเป็นจำนวนมาก
เมื่อวันที่ 7 พ.ย.65 เวลาประมาณ 05.20 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบ.ช.น. จึงสั่งการ ชุดลาดตระเวนออนไลน์ สืบสวนนครบาล IDMB โดย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่ รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริญ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.วสุเทพ ใจอินทร์ และ พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ กับพวกได้เข้าทำการจับกุมตัว
นายชัยวิวัฒน์ ธนินจีรภัทร์ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 500/36 หมู่ 1 ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันต์ ผู้ต้องหาเป็นบุคคลตามหมายจับจำนวน 3 คดี คือ หมายจับศาลแขวงนครราชสีมา ที่ จ218/2564 ลงวันที่ 3 ก.ย.65 ซึ่งต้องหากระทำผิดฐาน “ฉ้อโกง”, หมายจับศาลแขวงพิษณุโลก ที่ จ.123/2564 ลงวันที่ 21 ก.ค.64 ซึ่งต้องหากระทำผิดฐาน “ฉ้อโกง” และ หมายจับศาลจังหวัดชัยภูมิ ที่ 124/2564 ลงวันที่ 14 ก.ย.64 ซึ่งต้องหากระทำผิดฐาน “ฉ้อโกง” โดยแต่ละคดีล้วนแล้วแต่มีพฤติการณ์ในทำนองเดียวกันทั้งสิ้น โดยกล่าวหาว่า “ฉ้อโกง” โดยสามารถจับกุมได้บริเวณริมถนนหน้าบ้านเลขที่ 168/39 หมู่บ้านไอลีฟทาวน์ ซ.ประชาอุทิศ 90 ต.บ้านคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
โดยมีพฤติกรรมกล่าวคือ ชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวนนครบาล IDMB ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนผู้เดือดร้อนจำนวนมาก ว่าถูกกลุ่มแก็งค์ที่อ้างตนว่าเป็นเซียนพระ หลอกผู้เสียหายเช่าพระเครื่องบูชาและวัตถุมงคล สูญเงินเป็นจำนวนมาก พล.ต.ต.ธีรเดชฯ จึงได้สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ นำโดย พ.ต.ต.ทศรัสมิ์ กิติธารา สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ พร้อมกำลังสืบสวนติดตาม แกะรอยพฤติการณ์ของกลุ่มแก๊งค์ดังกล่าว จนสามารถระบุตัวคนร้ายชื่อว่า นายชัยวิวัฒน์ ธนินจีรภัทร์ อายุ 33 ปี อยู่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันต์ จากการสืบสวนพบว่า กลุ่มแก๊งนี้มีพฤติการณ์ออกตระเวน อ้างตนเป็นเซียนพระ สร้างภาพลักษณ์ตัวเองให้ดูน่าเชื่อถือในโลกออนไลน์ ด้วยการโพสต์ขายพระที่ได้รับความนิยมในหมู่เซียนพระ ซึ่งเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ สนใจ ติดต่อซื้อขาย และตกลงโอนเงินให้ แต่คนร้ายมิได้ส่งมอบสินค้าให้ตามที่ตกลงกันไว้ หากผู้เสียหายรู้ตัว จะทำการปิดเฟสบุ๊คหลบหนี โดยผู้ต้องหาก่อเหตุแล้วในหลายพื้นที่เป็นระยะเวลาปีเศษ
อีกทั้ง จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหาเป็นบุคคลตามหมายจับจำนวน 3 คดี 1.หมายจับศาลแขวงนครราชสีมา ที่ จ218/2564 ลงวันที่ 3 ก.ย.65 ซึ่งต้องหากระทำผิดฐาน “ฉ้อโกง”, หมายจับศาลแขวงพิษณุโลก ที่ จ.123/2564 ลงวันที่ 21 ก.ค.64 ซึ่งต้องหากระทำผิดฐาน “ฉ้อโกง”, หมายจับศาลจังหวัดชัยภูมิ ที่ 124/2564 ลงวันที่ 14 ก.ย.64 ซึ่งต้องหากระทำผิดฐาน “ฉ้อโกง” โดยแต่ละคดีล้วนแล้วแต่มีพฤติการณ์ในทำนองเดียวกันทั้งสิ้น
จากการสอบถาม นายชัยวิวัฒน์ฯ ให้การยอมรับว่า ตนได้อ้างตนว่าเป็นเซียนพระก่อเหตุหลอกลวงบุคคลและประชาชนทั่วไปในกลุ่มชอบบูชาพระเครื่องและวัตถุมงคล โดยการโพสต์ความเคลื่อนไหวและกิจกรรมอันเกี่ยวกับพระเครื่อง วัตถุมงคล ลงเพจเฟสบุ๊คที่ตนสร้างขึ้น สร้างความน่าเชื่อถือมาโดยตลอด โดยเริ่มเมื่อประมาณต้นปี 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งเดิมตนประกอบอาชีพเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างแต่ประสบปัญหารายได้ไม่เพียงพอ จึงหันมาเป็นพ่อค้าคนกลาง/นายหน้าขายพระเครื่อง วัตถุมงคล โดยอ้างว่าตนจะเปิดรับ pre-order จากลูกค้าที่สนใจให้โอนเงินค่าพระเครื่องมาก่อนแล้วถึงจะสั่งซื้อสินค้า เมื่อรับเงินไปแล้ว นายชัยวิวัฒน์ฯ จะอ้างว่าไม่มีสินค้าที่จะส่งให้แก่ลูกค้าแต่อย่างใด หากผู้เสียหายรายใดติดตาม จะพยายามเจรจาต่อรองและตกลงกับผู้เสียหายชดใช้ค่าเสียหายแล้วหลบหนี จนผู้เสียหายติดต่อไม่ได้ ซึ่งผู้ถูกจับรับว่าตนได้ก่อเหตุลักษณะนี้กับผู้เสียหายกว่า 10 ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 1–2 ล้านบาท จนทำให้ผู้เสียหายหลายรายได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนในหลายท้องที่ จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ตามวันและเวลาดังกล่าวนำตัวผู้ต้องหาส่ง สภ.เมืองนครราชสีมา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดชฯ กล่าวเตือนภัยว่า ขอให้พี่น้องประชาชนทุกท่าน ตรวจสอบประวัติ ชื่อและเลขบัญชีธนาคารของผู้ขายทุกครั้งก่อนทำการโอน โดยสามารถตรวจสอบผ่านทางอินเตอร์เน็ตว่ามีชื่อหรือบัญชีธนาคารดังกล่าว แจ้งเตือนอยู่ในกลุ่มผู้หลอกลวงหรือไม่ หรือให้ถามความน่าเชื่อถือจากบุคคลที่เป็นที่ไว้วางใจในเพจเฟสบุ๊คหรือกลุ่มไลน์นั้น ๆ เพื่อยืนยันก่อนทุกครั้ง ซึ่งการหลอกลวงลักษณะนี้ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายเป็นเงินเท่านั้น แต่กลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้อาจจะนำข้อมูลเอกสารสำคัญของผู้เสียหาย และรถยนต์ไปใช้กระทำความผิดอื่น ๆ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนทราบว่า หากท่านมีเบาะแสใด สามารถแจ้งมายังเฟซบุ๊ก เพจ สืบสวนนครบาล IDMB ได้ทันทีตามนโยบาย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. เน้นอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แม้จะไม่ได้เป็นคดีเหตุอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน จะมีการดำเนินการทันที
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน