ศาสนา

สมเด็จพระสังฆราช โปรดประทานผ้าพระกฐิน ทอดถวายพระสงฆ์ ณ วัดแสงธรรมสุทธาราม จ.นครสวรรค์


2 พฤศจิกายน 2022, 8:32 น.

 

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โปรดประทานผ้าพระกฐิน เพื่อเชิญไปทอดถวายพระสงฆ์ซึ่งจำพรรษาถ้วนไตรมาส ณ วัดแสงธรรมสุทธาราม ตำบลชุมแสง อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์

1 พฤศจิกายน 2565 เวลา 09:09 น. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โปรดประทานผ้าพระกฐินเพื่อเชิญไปทอดถวายพระสงฆ์ซึ่งจำพรรษาถ้วนไตรมาส ณ วัดแสงธรรมสุทธาราม ตำบลชุมแสง อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ โดยมีสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นายชยันต์ ศิริมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส โดยมี ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นางศิริรัตน์ ศิริมาศ ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดนครสวรรค์ นายปรีชา เดชพันธุ์ นางสาวชุติพร เสชัง นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ นางพรเพชร เขมวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ว่าที่ร้อยตรี ณรงค์ชัย จินดาพันธ์ นายอำเภอเมืองนครสวรรค์รักษาราชการแทนปลัดจังหวัดนครสวรรค์ นางนภาภรณ์ โลหะเวช หัวหน้าสำนักงานจังหวัดนครสวรรค์ หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ไวยาวัจกรวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดนครสวรรค์ ร่วมในพิธี

โอกาสนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย และพระพุทธศรีสุคต พระพุทธปฏิมาประจำวัดแสงธรรมสุทธาราม และเปิดกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพถวายราชสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน จุดเครื่องทองน้อยบูชาพระรูป สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ นายชยันต์ ศิริมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เปิดกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพถวายสักการะพระรูป สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และเชิญผ้าพระกฐินประทาน กล่าวบท นะโม 3 จบ กล่าวคำถวายผ้าพระกฐิน จบแล้ว จึงถวายผ้าพระกฐินและเทียนบูชาพระปาฏิโมกข์แด่พระสงฆ์รูปที่ 2 พระสงฆ์กระทำอปโลกนกรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ถวายบริวารกฐิน นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นำพุทธศาสนิกชนถวายเครื่องไทยธรรม และมอบปัจจัยโดยเสด็จพระกุศลในการถวายผ้าพระกฐินประทานแด่พระครูวิจิตรธรรมคุณ เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ (ธ) เจ้าอาวาสวัดแสงธรรมสุทธาราม กรวดน้ำ พระสงฆ์ทั้งนั้นอนุโมทนา ประธานกราบลาพระรัตนตรัย เป็นอันเสร็จพิธี โดยมียอดปัจจัยที่ถวายเพื่อทำนุบำรุงศาสนา เป็นจำนวนทั้งสิ้น 2,807,956 บาท

ในการนี้ เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช โปรดประทานสัมโมทนียกถา ความโดยสังเขปว่า วัดแสงธรรมสุทธารามแห่งนี้ ก่อตั้งขึ้นราว 60 กว่าปีที่แล้ว โดยพระดำริของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ ที่ทรงริเริ่มให้มีการสร้างขึ้น และโปรดให้ พระราชโสภณ (ละออ นิรโช) ขณะดำรงสมณศักดิ์ “พระมหาละออ นิรโช” เปรียญธรรม 7 ประโยค วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งพระมหาละออผู้นี้เป็นบุตรของนางเมียน กลิ่นเจริญ และได้เจริญวัย ณ อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ กล่าวได้ว่าท่านเป็นคนในพื้นที่ผู้สละความสุขส่วนตนในมหานครมาประดิษฐานการพระศาสนาให้มั่นคงมากขึ้น ณ ภูมิลำเนาของตน ต่อมาคณะกรรมการสร้างวัดเห็นว่าพื้นที่วัดยังน้อยเกินไปควรหาทางขยายเพื่อเพิ่มเติมพื้นที่ใช้สอย จึงซื้อที่ดินทางด้านใต้ของวัด กระทั่งเมื่อมีเสนาสนะเพียงพอต่อการพักอาศัยของพระสงฆ์แล้ว จึงนิมนต์พระสงฆ์จากวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และวัดเทพศิรินทราวาสมาจำพรรษาฉลองศรัทธา โดยเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2497 วัดได้เปิดการเรียนการสอนนักธรรมชั้นตรีมี พระมหาปรุง สุปญฺโญ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นพระอาจารย์สอน นับว่าเป็นการเริ่มต้นการศึกษาพระปริยัติธรรมด้วยดีแต่เมื่อออกพรรษาและรับกฐินแล้วภิกษุสามเณรก็แยกย้ายกลับไปปฏิบัติศาสนกิจในสำนักของตน ต่อมาสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ มีพระบัญชาให้พระสงฆ์วัดราชบพิธไปรักษาศาสนสมบัติและปฏิบัติศาสนกิจ ณ วัดแสงธรรมสุทธาราม

“ด้วยความมุ่งมั่นของพระองค์ที่จะนำความเจริญให้ท้องถิ่นอำเภอชุมแสงแห่งนี้ จึงเสด็จมาทางรถไฟ เพื่อมาทอดกฐินและประทับแรม อันเป็นปฐมบทแห่งการก่อสร้างและทำนุบำรุงเกื้อหนุนจุนเจือ จนบัดนี้ได้รับการจัดตั้งวัด มีเสนาสนะมั่นคง มีอุโบสถ ศาลาการเปรียญ มีโรงเรียนเกิดขึ้น ทำให้การศึกษาต่าง ๆ ได้บังเกิดขึ้นในวัด อันสะท้อนให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ว่า พระองค์ไม่ได้มาเพียงเพื่อสร้างวัดอย่างเดียว แต่เป็นการนำความเจริญมาสู่ท้องถิ่นอำเภอชุมแสง ซึ่งเมื่อครั้งเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ยังดำรงพระชนม์ชีพ จะเสด็จมาปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อช่วยดูแลการก่อสร้างอุปถัมภ์วัดแห่งนี้จนสำเร็จลุล่วง เป็นที่สถิตของพระเถระผู้ใหญ่ในจังหวัดนครสวรรค์ และเป็นสาขาวัดอีกสาขาหนึ่งของวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม” สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กล่าวในช่วงต้น

สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ได้กล่าวต่ออีกว่า เป็นธรรมชาติปกติ ที่วัดวาอาราม เมื่อสร้างขึ้นก็มีเสื่อมบ้าง โทรมบ้าง จึงจำเป็นต้องมีการอุปัฐฐากบำรุงดูแลอย่างต่อเนื่องโดยตลอด โดยอาศัยแรงศรัทธาของสาธุชน โดยเฉพาะคนอำเภอชุมแสง ที่ต้องช่วยกันดูแลวัดแสงธรรมสุทธารามแห่งนี้ร่วมกัน เพราะวัดแห่งนี้ไม่ใช่ของเจ้าอาวาส หรือพระรูปใดรูปหนึ่ง หรือกรรมการวัดคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของส่วนกลาง เป็นสมบัติของพระศาสนา ของประเทศชาติ จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราพุทธศาสนิกชนทุกคนที่ต้องช่วยกันดูแลวัดวาอาราม ด้วยการทำนุบำรุง เข้าวัดปฏิบัติธรรม ทำกิจกรรมตามหลักธรรมคำสอนของศาสนาให้มั่นคง ยึดมั่นในหลักธรรมคำสั่งสอนอย่างแท้จริง รวมทั้งช่วยกันดูแลพระสงฆ์ด้วยปัจจัย 4 เพื่อให้ท่านได้ปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนของพระศาสนา ถ้าหากพระสงฆ์ปฏิบัติไม่ดี ไม่ชอบ ญาติโยมสาธุชนก็มีสิทธิว่ากล่าวตักเตือนท่าน เพราะท่านอาจเผลอไผล ละเลยไป อะไรไม่เรียบร้อย ไม่งดงาม เราในฐานะผู้อุปถัมภ์ก็มีสิทธิที่จะชี้แนะท่าน เตือนหรือให้สติท่าน จะปล่อยปละละเลยพระสงฆ์ดังสำนวน “ชั่วช่างชีดีช่างสงฆ์” ไม่ได้ อะไรที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง ในฐานะเป็นผู้ทำนุบำรุงพระศาสนา ก็มีสิทธิที่จะชี้แจงแนะนำได้ เพราะทุกคนคือผู้มีอุปการคุณต่อพระศาสนา และทำนุบำรุงพระศาสนา

“พระจะอยู่ได้ก็ต้องอาศัยญาติโยม หน้าที่ของพระสงฆ์ คือ ปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประพฤติปฏิบัติตนให้อยู่ในระเบียบเรียบร้อย งดงาม เป็นที่ฉลองศรัทธาของญาติโยม ถ้าประพฤติไม่ดีก็ไม่ควรอยู่วัด ดังนั้น เมื่ออยู่ในสมณเพศก็ต้องประพฤติปฏิบัติตนให้ดี ให้เหมาะสม ให้สมกับที่ชาวบ้านศรัทธา อุปถัมภ์ปัจจัย 4 ทั้งอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค ชาวบ้านสาธุชนมีบุญคุณกับพระสงฆ์ พระศาสนามีบุญคุณกับพระสงฆ์ ดังนั้น เราจะทำอย่างไรให้ทดแทนบุญคุณพระศาสนาได้ คือ ความกตัญญูกตเวทีต่อพระศาสนาด้วยการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นตัวอย่างที่ดีของชุมชน ของศิษยานุศิษย์ ของสัทธิวิหาริก หมู่มวลประสงฆ์ทั้งปวงต้องปฏิญาณตนว่า เมื่อบวชมาแล้วเราจะทำอย่างไรเพื่อพระศาสนา “เกิดมาต้องทดแทนบุญคุณพระศาสนา” และพึงระลึกเสมอว่า จะรักษาพระศาสนาอย่างไร ปฏิบัติอย่างไรให้เจริญรุ่งเรือง ทำตัวอย่างไรให้เป็นที่ศรัทธาของสาธุชน เป็นแบบอย่างที่ดีของนักปราชญ์ทั้งหลาย เมื่อเขามาเห็น มาสัมผัสก็เกิดศรัทธาความเลื่อมใส เฉกเช่นเดียวกับประชาชนทุกคนที่กล่าวว่า “เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน” สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กล่าวเน้นย้ำ

สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขออนุโมทนาบุญกฐินทานในครั้งนี้กับศรัทธาสาธุชนพุทธศาสนิกชนทุกท่าน ทั้งปลัดกระทรวงมหาดไทย นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ปลัดกระทรวงแรงงาน ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ คุณประสิทธิ์ ภัทรประสิทธิ์ ญาติโยมจากกรุงเทพมหานคร และญาติโยมชาวชุมแสง ตลอดถึงชาวนครสวรรค์ และใกล้เคียง ขอให้ทุกท่านได้ถือว่าวัดแห่งนี้ เจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ ทรงมาก่อร่างสร้างขึ้น เพื่อเป็นแหล่งที่สาธุชนมาเข้าวัดปฏิบัติเพื่อประโยชน์กับตัวเอง เพื่อเป็นสถานที่ สถานบุญในการบำเพ็ญบุญกุศลปฏิบัติธรรมตามหลักธรรมคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยเฉพาะคนชุมแสง เราต้องนึกถึงน้ำใจคนต่างถิ่นว่าเขามีจิตเมตตากรุณามาช่วยสร้างสรรค์คุณงามความดีให้เกิดขึ้นในพื้นที่แห่งนี้ด้วยความเสียสละ เราฐานะเจ้าถิ่นก็ต้องมีความเสียสละมากกว่าชาวต่างถิ่น หากคิดสิ่งใดที่เป็นไปโดยชอบธรรมขอให้สำเร็จโดยประสงค์ทุกคนทุกท่านเทอญ

 

กองสารนิเทศ สป.มท.
วันที่ 1 พ.ย. 2565

ข่าวในหมวดเดียวกัน

เพิ่มเติม...

การเมือง

คอลัมนิสต์

คมในความ

มหาราษฎร์ Shorts

ภาพเก่าเล่าอดีต

ไฮไลท์

ข่าวประชาสัมพันธ์

ตำรวจ ทหาร อัยการ ศาล คุก

ท่องเที่ยว

ศาสนา

สุขภาพ

แวดวงนักรบ

สังคม

บทบาทบุคคล

< กลับหมวดศาสนา

เรื่องล่าสุด