แปลกแต่จริง !
จากอดีตสู่ปัจจุบัน เล่ากันว่า นายทหารไทย ที่ไปเรียนโรงเรียนนายร้อยต่างประเทศ ไม่ว่าชื่อดังอย่าง”เวสต์ปอยต์ อเมริกัน, แซงซีร์ ฝรั่งเศส,แซนเฮิสต์ อังกฤษ, ฯลฯ บางคนได้ทุนจากกองทัพไทยไปเรียน แต่กลับมาไม่ได้นั่งเก้าอี้ ผบ.ทบ.สักราย ล้วนรับประทานแห้วกันหมด ถูกนายร้อย จปร. เบียดจนต้อง”ข้ามห้วย”ไปบก.สูงสุด หรือ สนง.ปลัดกลาโหม เสียส่วนใหญ่
ไม่ว่า”บิ๊กเสือ” พล.อ.พิจิตร กุลวานิชย์-พล.อ.สำเภา ชูศรี หรือใครๆที่โดดเด่น
“เป็นจังได๋หนอ” ??
ธรรมเนียม”ทหารไทย” !
แปลกแต่จริง เรื่องที่ 2 ช่วงหลังๆ บรรดานายพล ดาวเต็มบ่าจากกองทัพ ได้ขยับมาแสวงหาอำนาจเล่นการเมืองเป็นทิวแถว ทำให้บรรดากลุ่มธุรกิจ พ่อค้าใหญ่ อยากมีอำนาจบ้าง เพื่อ นำอำนาจ มาปกป้องผลประโยชน์ทางธุรกิจตนเอง
จึงสนับสนุนให้เงินพรรคการเมือง ผลักดัน นักเลือกตั้ง ออกมาเป็นตัวแทน เคลื่อนใหว จนล้นสนามการเมือง
จากอดีต “นักธุรกิจ-พ่อค้า เคยเป็นผู้พึ่งพิงขุนศึก พึ่งพิงอำนาจทหาร บัดนี้กลับมากุมกลไกอำนาจบริหารจากรัฐโดยตรง เป็นการพัฒนาทุนนิยมครั้งใหญ่
เมื่อก่อนอำนาจการเมืองตกอยู่ในมือนายทหาร ที่เคยกุมกำลังในกอทัพ พ่อค้า-นักธุรกิจ ต้องอิงแอบ กับนายพลขุนศึกสีเขียว มาตลอด ถึงกับมีคำพังเพยว่า “สิบพ่อค้า ไม่เท่าหนึ่งพระยาเลี้ยง” !
วันนี้กลับตรงข้าม “นักรบขุนศึก กลับสยบ ซบใต้ปีก ลุ่มทุน พ่อค้าอลังการ แทบหมดสิ้น !
“สิบพระยา ไม่เท่าหนึ่งพ่อค้าเลี้ยง” กระนั้นหรือ ?